วันนี้ (11 กรกฎาคม 2565) ที่อาคารรัฐสภา พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เชิญชวนเสนอกฎหมาย นำรายชื่อประชาชน 80,772 รายชื่อ ที่ร่วมลงชื่อแคมเปญ ‘ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น’ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ไปยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พรรณิการ์ระบุว่า รายชื่อประชาชนทั้งหมดได้ขอเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้ใช้เวลารวบรวมเพียง 3 เดือน ทำให้เห็นว่าประชาชนต้องการการกระจายอำนาจที่แท้จริง
ทั้งนี้ ตลอด 3 เดือนในการรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเรื่องยากในการอธิบาย เพราะเป็นเรื่องรายละเอียดทางกฎหมายที่เข้าไปแก้ไขประเด็นการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นประเด็นเฉพาะ แต่พอได้รณรงค์จริงๆ เรากลับพบว่าทำความเข้าใจกับประชาชนได้ง่ายมาก โดยเรื่องนี้เป็นหนึ่งในภารกิจหลักตั้งแต่ริเริ่มพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนี้ ต้องการให้ประชาชนเห็นว่า เมื่อมีงบประมาณ มีอำนาจ ประเทศไทยมีผู้บริหารท้องถิ่นอีกเป็นจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศ ที่สามารถนำมาบริหาร มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน และหวังว่าผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่ให้สมชื่อ สมกับคำว่าผู้แทนของราษฎร ช่วยกันผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้ ที่จะปลดล็อกโซ่ตรวนประเทศไทยจากการเป็นประเทศกำลังพัฒนาแล้วก้าวต่อไปข้างหน้า ปลดปล่อยศักยภาพของทุกพื้นที่ทั่วประเทศไปด้วยกัน
ด้านพริษฐ์ในฐานะผู้ริเริ่มเสนอกฎหมาย กล่าวว่า การให้ผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดมาจากการเลือกตั้งอย่างเดียวไม่พอในการปลดล็อกท้องถิ่น จำเป็นต้องมีการกระจายงาน กระจายอำนาจไปให้ท้องถิ่นในการรับผิดชอบจัดการบริการสาธารณะเป็นหลัก โดยที่ผ่านมางานบริการสาธารณะหลายส่วนยังอยู่กับส่วนกลาง การตัดสินใจยังอยู่ที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา ถนนหนทาง ข้อเสนอของการแก้กฎหมายในการปลดล็อกท้องถิ่นคือให้การจัดการบริการสาธารณะทั้งหมดอยู่ที่ท้องถิ่น ยกเว้นการต่างประเทศ การทหาร และสกุลเงิน
สำหรับการมายื่นในครั้งนี้มีความคาดหวังใน 2 ประเด็น หนึ่ง หวังว่าประธานรัฐสภาจะบรรจุร่างของประชาชนร่างนี้เข้าไปสู่การพิจารณาของสมาชิกรัฐสภาให้ได้เร็วที่สุด สอง หวังว่าสมาชิกรัฐสภาจะเห็นชอบอย่างเพียงพอกับร่างข้อเสนอ และถ้าเราไปดูการรณรงค์หาเสียงเมื่อตอนปี 2562 และไปดูบทสัมภาษณ์ของ ส.ส. และ ส.ว. หลายท่าน ที่มีความคิดเห็นด้วยเรื่องการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นมากขึ้น จึงอยากเชิญชวนสมาชิกรัฐสภาทุกท่านว่าอย่ามองว่าร่างนี้เป็นร่างของคณะก้าวหน้า อย่ามองว่าเป็นร่างของพรรคก้าวไกล แต่มองว่าร่างนี้เป็นร่างของภาคประชาชนทุกคนที่อยากจะกระจายอำนาจและอยากปลดล็อกท้องถิ่น
“ทุกครั้งที่มีการยื่นร่างใดๆ ก็ตามเข้ามาในสภาฯ หลายคนก็จะถามว่าจะผ่านจริงไหม จะเป็นไปได้หรือ ผมเลยอยากจะกล่าวทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ว่า การเมืองเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ ไม่นานมานี้คงไม่มีใครคิดว่าร่างสมรสเท่าเทียมจะผ่าน ปัจจุบันร่างสมรสเท่าเทียมก็ผ่านในวาระแรกแล้ว แม้ว่าจะต้องติดตามต่อในวาระสองและวาระสาม และไม่นานมานี้ไม่มีใครคาดคิดถึงร่างกฎหมายที่จะพยายามส่งเสริมการแข่งขันในอุตสาหกรรมสุรา แต่ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ก็ผ่านในวาระหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
“แม้ว่าเราจะต้องติดตามต่อในวาระสองและวาระสามก็ตาม หลายคนที่เราไปพูดคุยมาก็ตั้งคำถามว่าร่างปลดล็อกท้องถิ่นจะผ่านได้จริงหรือ ผมก็หวังว่าปรากฏการณ์ในร่างนี้จะได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา ก็จะเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ และก็จะเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งในการคืนความหวังต่อการเมืองไทยให้กับประชาชน”
Tags: พริษฐ์ วัชรสินธุ, พรรณิการ์ วาณิช, พรรคก้าวไกล, คณะก้าวหน้า, สุราก้าวหน้า, ปลดล็อกท้องถิ่น