วันนี้ (8 กรกฎาคม 2568) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางมายังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเปิดงาน SPLAH – Soft Power Forum 2025 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นประเทศไทยจะต้องปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
แพทองธารกล่าวว่า ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยฝากความหวังไว้ว่าจะเป็น ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือการหวังว่าจะเป็น ‘ครัวของโลก’ แต่ปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเริ่มมีการปรับตัวมากขึ้น ประเทศไทยจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป
“วันนี้ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยกแห่งอนาคต รัฐบาลพยายามจะหาเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เทคโนโลยี หรือการเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาค รัฐบาลเริ่มแล้วเพื่อเป็นการวางรากฐานแห่งอนาคต ไม่ให้เราช้าอีกต่อไป ไล่กวดให้ทันกับโลกมากขึ้น”
สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือ วัฒนธรรมสร้างสรรค์หรือ ‘Soft Power’ นายกฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้โลกไม่ได้สนใจเพียงแค่การซื้อสินค้าหรือบริการอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นการซื้อประสบการณ์ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ทำให้ทั่วโลกหลงเสน่ห์ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งตัวของคนไทยเอง
แพทองธารเล่าต่อว่า ปีที่ผ่านมานโยบาย Soft Power เดินหน้าอย่างมียุทธศาสตร์มากขึ้น ผ่านการวางเป้าหมายทำให้วัฒนธรรมมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการให้ทุกภาคส่วนทำงานอย่างเป็นระบบ เปลี่ยนบทบาทของภาครัฐให้กลายเป็น ‘ผู้สนับสนุน’ และยกระดับวัฒนธรรมให้เชื่อมโยงกับโลกมากขึ้น
5 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะยกระดับไปสู่สากลมีดังต่อไปนี้
1. อาหารไทย: รัฐบาลมีโมเดล ‘Thai Cuisina’ จะครอบคลุมทั้ง Supply Chain ของอาหารรวมไว้ในที่เดียว ซึ่งจะตั้ง Thai Cuisina ให้อยู่ตามเมืองใหญ่ทั่วโลก ควบคู่ไปกับการสร้างมาตรฐาน Thai Select ให้เทียบเท่ากับ Michelin Star ให้ได้
2. มวยไทย: ชาวต่างชาติให้ความสนใจอย่างมาก อุตสาหกรรมนี้จะพยายามทำให้ทุกยิมมีใบรับรองการสอนมวยไทยที่ถูกต้อง เพื่อให้เป็น ‘Muay Thai Bootcamp’
3. Thai Wellness: ในยุคที่คนทั่วโลกแสวงหาความสมดุล รัฐบาลจะสนับสนุนการผสมผสานการนวดที่ใช้สมุนไพรและอาหารสุขภาพ มาบำบัดร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน
4. ภาพยนตร์: รัฐบาลต้องการให้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมกำลังผลักดันการให้สิทธิประโยชน์คืนเงิน (Cash Rebate) กับผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวไทยมากขึ้น
5. อัญมณี: เมื่อ 20 ปีที่ก่อน อุตสาหกรรมนี้มียอดส่งออกอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท แต่มาในปีนี้อัญมณีของไทยส่งออกมากขึ้นถึง 10 เท่า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องการทำให้ช่างเจียระไนและช่างทองมีความรู้มากขึ้น เพื่อยกระดับความเป็นศิลปิน เพื่อให้มีค่าตอบแทนที่มากขึ้น โดยรัฐบาลมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้เป็น 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
แพทองธารทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่นำมาฉายภาพให้เห็นถึงโอกาสว่า ประเทศไทยยังมีอุตสาหกรรมอีกมากที่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ เป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่ทำให้คนไทยมีทางรอดมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมคุณค่าและมูลค่ากับอาชีพใหม่ๆ ให้เพิ่มมากขึ้น
“ปีนี้เป็นปีที่ 2 ของ Splash Soft Power Forum งานนี้ไม่ใช่แค่เวทีจัดแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรม Soft Power ไทย แต่คือพื้นที่แห่งความหวัง ความร่วมมือ และความสร้างสรรค์ร่วมกันของคนไทย
“เราจะได้มองเห็นอนาคตของอุตสาหกรรม Soft Power ไทยในหลายรูปแบบ ได้แลกเปลี่ยนกับนักสร้างสรรค์จากทั่วโลก ได้ร่วมฟังวิสัยทัศน์จากผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งจะจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ที่เปลี่ยนอนาคตของประเทศไทยไปตลอดกาล” นายกฯ กล่าว
Tags: แพทองธาร ชินวัตร, Softpower, THACCA, SPLASH, THACCAsplash2025, Creative Culture, THACCAsplash, splashForum, นายกรัฐมนตรี, แพทองธาร