หญิงนักต่อสู้ประชาธิปไตยชาวเวเนซุเอลา คว้ารางวัลโนเบล ‘สันติภาพ’ 2025 ทรัมป์ ‘เก้อ’ ไม่ได้รับรางวัล

วันนี้ (10 ตุลาคม 2025) ในการประกาศรางวัลโนเบล (Nobel Prize) สาขาสันติภาพ ประจำปี 2025 คณะกรรมการรางวัลโนเบลแห่งนอร์เวย์ตัดสินใจมอบรางวัลให้กับ มาเรีย โครินา มาชาโด (María Corina Machado) ในฐานะผู้นำขบวนการสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยในประเทศเวเนซุเอลา 

ตามประกาศบนหน้าเพจ Facebook ระบุว่า มาชาโดถือเป็นบุคคลสำคัญที่ทำงานเป็น ‘ศูนย์รวม’ ฝ่ายค้านทางการเมืองที่เคยมีความคิดเห็นแตกต่างกันกลับมามีจุดยืนร่วมกัน ในการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลจากประชาชน 

“เป็นความเต็มใจร่วมกันของเราที่จะปกป้อง แม้ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างกันก็ตาม แต่ในช่วงเวลาที่ประชาธิปไตยกำลังถูกคุกคามอยู่ การปกป้องจุดยืนร่วมกันจึงมีความสำคัญมาก” คณะกรรมการรางวัลโนเบลระบุ 

ทั้งนี้มาชาโดเป็นผู้ก่อตั้ง Súmate องค์กรที่ทำงานเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย และยืนหยัดเพื่อการเลือกตั้งที่อิสระและเป็นธรรมมานานกว่า 20 ปี ซึ่งรวมถึงการยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชน และการเป็นตัวแทนของประชาชนสนับสนุนเสรีภาพในประเทศ 

ในปี 2024 มาชาโดในฐานะฝ่ายค้านสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลา แต่ถูกขัดขวางจนไม่สามารถลงชิงตำแหน่งได้ เธอจึงหันไปสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้ง ขณะที่ประชาชนชาวเวเนซุเอลาหลายคน พยายามก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง และเข้าไปสังเกตการณ์การเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม ท่ามกลางการถูกคุกคามและถูกจับกุม แม้ว่าฝ่ายค้านซึ่งมีจุดยืนเดียวกันกับมาชาโดเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง แต่ระบอบการปกครองยังคงปฏิเสธผลการเลือกตั้งดังกล่าว 

แม้ว่าประชาธิปไตยในเวเนซุเอลาจะกำลังถดถอย ส่งผลให้มาชาโดในฐานะผู้สนับสนุนประชาธิปไตยต้องใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน และถูกคุกคามชีวิตอย่างร้ายแรง กระนั้นเธอยังคงอาศัยอยู่ในประเทศ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนนับล้าน นี่จึงทำให้มาชาโดมีคุณสมบัติตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมของ อัลเฟรด โนเบล (Alfred Nobel) สำหรับการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลสันติภาพ จากการนำฝ่ายค้านในประเทศให้รวมกันเป็นหนึ่ง จุดยืนการต่อต้านการใช้กำลังทหาร และยืนหยัดสนับสนุนประชาธิปไตยด้วยวิธีสันติมาตลอด 

“มาเรีย โครินา มาชาโด แสดงให้เห็นว่า ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือของสันติภาพ เธอเป็นตัวแทนแห่งความหวังของอนาคตที่แตกต่างออกไป อนาคตที่ซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองได้รับการคุ้มครอง และรับฟัง ประชาชนจะมีอิสรภาพในการใช้ชีวิตอย่างสันติในที่สุด” คณะกรรมการรางวัลโนเบลทิ้งท้าย

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับเป็นหนึ่ง ‘ตัวเต็ง’ ที่ถูกจับตามองว่า มีโอกาสคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพไปครอง จากบทบาทในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทั้งกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา หรืออิสราเอลกับปาเลสไตน์ ไปจนถึงความบาดหมางระหว่างอินเดียกับปากีสถาน