เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) แพลตฟอร์มสตรีมมิงอันดับหนึ่งของโลก ปล่อยฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่าตอนนี้มีใครกำลังแอบใช้บัญชีของคุณในอุปกรณ์อื่นอยู่หรือไม่ เพื่อระงับการใช้งานจากการล็อกอินที่ไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งทำให้ผู้ใช้จำนวนมากยิ้มออก เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถช่วยให้พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์จากรักครั้งเก่าที่ยังขอยืมบัญชีเน็ตฟลิกซ์ และไม่ต้องทนเห็นประวัติการเข้าชมหนังหรือซีรีส์ต่างๆ ที่เหล่าแฟนเก่ากำลังนั่งดูกับแฟนใหม่ให้ปวดใจเล่น

วิธีการคือให้ผู้ใช้งานเข้าไปที่หน้าบัญชี (Account) ในหัวข้อการป้องกันและความเป็นส่วนตัว (Security & Privacy) แล้วกดที่คำว่า จัดการการเข้าถึงและอุปกรณ์ (Manage access and devices) ก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่ามีใครกำลังใช้งานด้วยชื่อของคุณบนอุปกรณ์อื่น และสามารถกดปุ่มลงชื่อออก (Sign Out) เพื่อเตะพวกเขาออกไปได้ทันที และระบบก็จะช่วยส่งข้อความแจ้งเตือนมาบอกทุกครั้งที่มีคนขโมยบัญชีเน็ตฟลิกซ์ไปใช้อีกครั้ง

ประเด็นดังกล่าวในมุมผู้ใช้ดูจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สำหรับเน็ตฟลิกซ์ การปล่อยฟีเจอร์นี้เป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ เพราะพวกเขาสูญเสียรายได้ปีละ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท) จากการที่ทุกคนแบ่งพาสเวิร์ดกันใช้

สำนักข่าววาไรตี้ (Variety) รายงานข้อมูลจากจดหมายของ รีด แฮสติงส์ (Reed Hastings) ประธานบริหารร่วมของเน็ตฟลิกซ์ ที่ส่งให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเพื่อรายงานผลประกอบการในปี 2022 ว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ พวกเขาสูญเสียผู้ใช้งานไป 2 แสนคน ซึ่งเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่และครั้งแรกของเน็ตฟลิกซ์ แต่เน็ตฟลิกซ์จะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์กลับมาได้ในไตรมาสสาม จากการพัฒนาคุณภาพเนื้อหาของภาพยนตร์และซีรีส์

ถึงอย่างนั้นเน็ตฟลิกซ์ก็จะไม่หยุดดำเนินการตรวจสอบผู้ใช้ที่แบ่งรหัสบัญชีกันใช้ หากผู้ถือบัญชีไม่ลบคนที่แอบใช้รหัสของพวกเขาออกไป เน็ตฟลิกซ์ก็จะต้องคิดค่าบริการกับผู้ใช้รายนั้นเพิ่มอยู่ดี

ประธานบริหารร่วมของเน็ตฟลิกซ์บอกเล่าความกังวลว่า การแบ่งปันรหัสกันใช้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เน็ตฟลิกซ์สูญเสียยอดผู้ใช้งาน และทีมงานก็สามารถตรวจสอบสิ่งนี้ได้มาตลอด จนได้ยอดที่น่าตกใจว่าจากบัญชีผู้ใช้กว่า 200 ล้านราย มี 100 ล้านบัญชีที่เป็นกลุ่มยืมรหัสจากคนอื่น โดยรีดหวังจะจัดการเรื่องนี้ให้หมดไปภายในปี 2023 จึงปล่อยฟีเจอร์การจัดการบัญชีผู้ใช้งานแฝงนี้ออกมาให้ทุกคนได้ลองใช้

ทีมเน็ตฟลิกซ์ยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะค่าบริการที่สูงเกินไป ในปีหน้าจึงอาจมีการพิจารณาปรับลดราคาลงให้เหลือแค่เดือนละ 6.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 250 บาท) จากเดิมที่ 13 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 465 บาท) สำหรับแพ็กเกจพรีเมียมความละเอียด 4K+HDR ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องดูโฆษณาคั่นจากผู้สนับสนุน

ที่มา

https://www.ladbible.com/entertainment/netflix-profile-transfer-password-sharing-adverts-20221017

https://variety.com/2022/tv/news/netflix-loses-subscribers-q1-earnings-1235234858/

https://bit.ly/3XagHdL

ภาพ: IMDb ภาพยนตร์เรื่อง (500) Days of Summer

Tags: