วันนี้ (15 ตุลาคม 2568) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยตอนหนึ่ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่านค้าน ลุกขึ้นอภิปรายว่า พรรคประชาชนต้องการให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำได้จริง พร้อมทั้งยืนยันว่า คณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม รวมทั้งสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนสามารถ ‘ทำได้’ ไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
ณัฐพงษ์กล่าวว่า หลักการที่พรรคประชาชนใช้ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ เชื่อในการเมืองแห่งความเป็นไปได้ ที่พิจารณาควบคู่ไปกับการเมืองแห่งความเป็นจริง เพราะหากพรรคประชาชนไม่เชื่อในการเมืองแห่งความเป็นไปได้ คงจะไม่เกิดบันทึกข้อตกลง (MOA) กับพรรคภูมิใจไทย เพื่อเลือก อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงไม่เดินหน้ามาถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นจุดที่ดู ‘เป็นจริง’ มากที่สุดในรอบ 2 ปี
หัวหน้าพรรคประชาชนระบุต่อว่า จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามไม่ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน นำมาสู่ข้อเสนอของพรรคประชาชนที่ให้มี ‘คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยอ้อม’ ที่ให้รัฐสภาเลือกสมาชิกอีกรอบ
ตนเข้าใจดีว่า กระบวนการนี้อาจทำให้หลายคนกังวลว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญครั้งนี้อาจไม่นำไปสู่ ‘รัฐธรรมนูญฉบับในฝัน’ แต่อยากเน้นย้ำว่า สิ่งที่พรรคประชาชนใช้ในการตัดสินใจครั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นไปได้ในการหมุนเข็มนาฬิกาประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไป หลังจากประเทศหยุดนิ่งมาเกือบ 20 ปี
“การลงมติในวันนี้จะเป็นการปลดโซ่ตรวนทุกอย่างของกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ยากมาก เข็มนาฬิกาที่ควรจะถูกหมุนต่อด้วยมือของประชาชน ไม่ใช่เข็มนาฬิกาที่อยู่บนมือของนักการเมือง เปิดโอกาสให้ตัวแทนของประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญมากที่สุด”
ณัฐพงษ์อภิปรายต่อว่า รัฐธรรมนูญคือสิ่งจำเป็นที่ทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกระจายอำนาจ ทำให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข รัฐธรรมนูญยังเกี่ยวข้องกับการทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะมีการบัญญัติให้รัฐคุ้มครองสิทธิของประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม
นอกเหนือจากนั้น รัฐธรรมนูญยังเกี่ยวข้องกับการทำให้รัฐมีความทันสมัย โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตลอดจนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกแบบ ‘ระบบการเมือง’ และ ‘ระบบการตรวจสอบถ่วงดุล’ ให้เป็นไปตามหลักสากล ไม่ได้ถูกล็อกอยู่กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
“นี่คือใจความสำคัญของการโหวตในครั้งนี้ นอกจากการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็คือการหมุนเข็มนาฬิกาของประเทศให้เดินหน้าต่อไป การลงมติในวันนี้จะเป็นการเปิดประตูสู่การทำรัฐธรรมนูญใหม่ ลบล้างมรดก คสช. เช่น การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นจุดเริ่มต้นการหยุดยั้งกระบวนการนิติสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขในหมวดศาลและองค์กรอิสระให้ยึดโยงกับประชาชน”
ณัฐพงษ์ฉายภาพว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นการวางรากฐานสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ดี เช่น การออกแบบระบบการเลือกตั้งใหม่ ให้จำนวน สส.สะท้อนกับคะแนนเสียงของประชาชนที่ออกมาเลือกตั้ง การออกแบบระบบพรรคการเมืองเพื่อปิดช่องไม่ให้มี สส.งูเห่า ตลอดจนการออกแบบที่มาและอำนาจของ สว.ให้มีความเหมาะสมตามหลักสากล รวมถึงเป็นกุญแจสำคัญที่เปิดประตูไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต ไม่ให้ถูกเครือข่ายของรัฐพันลึกฉุดรั้งเอาไว้แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“การหมุนเข็มนาฬิกาของประเทศให้เดินหน้าต่อในวันนี้ ไม่ได้เป็นการหมุนเข็มนาฬิกาทางการเมืองของนักการเมือง แต่มันคือเข็มนาฬิกาแห่งชีวิตของคนไทยทุกคน เพื่อทำให้เมืองไทยน่าอยู่ คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี รัฐโปร่งใส และมีอนาคตที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน” ณัฐพงษ์กล่าว
Tags: แก้ไขรัฐธรรมนูญ, แก้รัฐธรรมนูญ, รัฐสภา, ประชุมสภา, พรรคประชาชน, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ