วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย สส.ของพรรค จัดแถลงข่าวประเด็นการยื่นญัตติต่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่า มีปัญหาในบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนขาดภาวะผู้นำจนไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้
ณัฐพงษ์ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันพรรคร่วมฝ่ายค้านรวบรวมรายชื่อแล้ว 166 รายชื่อ ประกอบด้วยพรรคประชาชนจำนวน 143 รายชื่อ, พรรคเป็นธรรมจำนวน 1 รายชื่อ, พรรคพลังประชารัฐจำนวน 19 รายชื่อ และพรรคไทยสร้างไทยจำนวน 3 รายชื่อ
สำหรับการอภิปรายพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปราย ‘นายกรัฐมนตรี’ แต่เพียงผู้เดียว โดยครอบคลุมเนื้อหาทุกประเด็นในหลายกระทรวง โดยหัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวย้ำว่า ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า พรรคฝ่ายค้านจะตรวจสอบทุกประเด็น แต่จะทำให้เห็นว่า ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินในวันนี้เกิดขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา และเป็นนายกฯ เองที่ขาด ‘ภาวะผู้นำ’ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้
ณัฐพงษ์ยังยกตัวอย่างประเด็นในการอภิปรายไว้ว่า ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้นั้น เป็นเพราะนายกฯ ขาดคุณสมบัติ ขาดความรู้ความสามารถ ขาดเจตจำนงที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่มีความรับผิดชอบต่อการดำรงตำแหน่ง บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเกือบรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนปัญหาตั้งแต่รัฐมนตรีตามที่มีการร้องขอมา ขาดภาวะผู้นำในการบังคับบัญชา รวมทั้งยินยอมให้ ‘บิดา’ ชักนำ จูงใจ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน
“วันนี้เราเชื่อว่า ปัญหาเกิดจากตัวนายกรัฐมนตรีเองที่ไม่สามารถควบคุมเสียงของรัฐบาลได้ และเกิดการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วแบบนี้ จึงเป็นที่มาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเล็งเห็นว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เราควรจะอภิปรายที่ตัวนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว เพราะปัญหาทั้งหมดนั้นอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น” หัวหน้าพรรคประชาชนระบุ
ณัฐพงษ์ยังกล่าวต่อว่า เมื่อมีการอภิปรายนำเสนอข้อมูลปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของรัฐมนตรีแต่ละคน เราสามารถต่อยอดหรือนำหลักฐานที่มีการเปิดเผยในสภาฯ ไปยื่นดำเนินการอื่นๆ ต่อไปได้ เหมือนกรณี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีการต่อรองกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำให้ไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น ณัฐพงษ์ให้คำตอบว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมองเนื้อหาเป็นหลัก แต่เหตุที่ตัดสินใจยื่นอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียว เป็นเพราะรากเหง้าของปัญหาทั้งหมดอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาล และการที่นายกฯ ไม่สามารถควบคุมเสียงฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลได้ ดังนั้นก่อนที่จะมีการตัดสินเช่นนี้อยากให้มองที่เนื้อหาการอภิปรายมากกว่าว่า พรรคประชาชนดำเนินการทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา
ในเวลาต่อมา แพทองธารเดินทางมายังอาคารรัฐสภาก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า หลังจากที่เห็นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถตอบคำถามได้ทุกข้อ แต่ถ้ามีรายละเอียดรายกระทรวงที่คงให้รัฐมนตรีประจำกระทรวงเป็นผู้ตอบคำถาม อย่างไรก็ตามในภาพรวมตนพร้อมให้คำตอบ
ขณะที่ประเด็น ‘ขาดภาวะผู้นำ’ ที่ฝ่ายค้านยกมาเป็นหนึ่งในการอภิปราย แพทองธารให้คำตอบว่า ต้องดูที่ข้อมูลประกอบด้วยว่ามีความไม่เชื่อมั่นอย่างไร พร้อมกล่าวย้ำว่า ตนเข้าใจพรรคฝ่ายค้าน เพราะพรรคเพื่อไทยก็เคยเป็นฝ่ายค้านมา 8-9 ปี ก็เข้าใจว่าพรรคฝ่ายค้านอยากรู้อะไร ก็ต้องตอบไป
นอกจากนั้นในวันเดียวกัน ณัฐพงษ์ยังยื่นคำร้องตรวจสอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 พร้อมแนบหลักฐาน 18 รายการอีกด้วย โดยมีทั้งหมด 3 ประเด็น ดังนี้
1. ข้อกล่าวหา 5 กรรมการ ป.ป.ช.และอดีต ป.ป.ช. ที่มีมติยุติการสืบหาข้อเท็จจริงในทรัพย์สินของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
2. ข้อกล่าวหากรรมการ ป.ป.ช.จำนวน 9 รายที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 16 มีนาคม 2566-23 พฤษภาคม 2567 ที่ลงมติไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองในการเปิดเผยรายละเอียดคดีดังกล่าว
3. ข้อกล่าวหาต่อ สุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. กรณีคลิปหลุดที่มีการเข้าพบกับวันมูหะมัดนอร์ และพลตํารวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ