นับถอยหลังอีกแค่ 1 วันเท่านั้น ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม (Midterm Election) ครั้งสำคัญจะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2022 อย่างที่ทราบกันดีว่า ประชาชนชาวอเมริกันใช้การเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาคองเกรส สมาชิกวุฒิสภา และผู้ว่าการรัฐในรอบครึ่งวาระนี้ เพื่อตรวจสอบผลงานตลอด 2 ปีของพรรครัฐบาลของพวกเขา และสร้างการถ่วงดุลทางอำนาจทางการเมืองจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า การใช้สิทธิใช้เสียงของประชาชนในการเลือกตั้งกลางเทอมจึงเปรียบเสมือนทั้งการแสดงความไว้วางใจและการชี้ชะตารัฐบาลชุดปัจจุบัน

สิ่งที่ผู้ลงคะแนนเสียงชาวอเมริกันให้ความสนใจมากในปีนี้ คือปัญหาเรื่องพิษเศรษฐกิจ ยอดคดีอาชญากรรมที่พุ่งสูงแข่งกับราคาน้ำมัน และการอพยพแบบผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นในช่วงการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ทำให้ผลของการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้อาจสะเทือนไปถึงขาเก้าอี้ของไบเดน และสร้างความหวังครั้งใหม่ให้กับคนใหม่หน้าเก่าอย่างอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)

การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้สำคัญอย่างไร? ทั้งหมดนี้คือ 5 ประเด็นสำคัญที่อาจพลิกโฉมอนาคตของสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ

1. การกลับมาของกฎหมายเพื่อสิทธิในการทำแท้ง และสิทธิด้านอื่นๆ ที่สำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

หลังจากศาลสูงสหรัฐฯ คว่ำกฎหมายสิทธิการทำแท้งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สร้างบาดแผลให้กับผู้หญิงและกลุ่มคนผู้สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา การเลือกตั้งกลางเทอมเพื่อปรับโฉมรัฐสภาครั้งนี้จึงสามารถนำเรื่องนี้กลับเข้ามาในการพิจารณาของศาลฎีกาได้

สำหรับจุดยืนของพรรคเดโมแครตยังคงยืนยันว่า พวกเขาจะทำให้การทำแท้งเป็นเรื่องถูกกฎหมายในทุกมลรัฐ ขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอให้สามารถทำแท้งได้เช่นกัน แต่การทำแท้งจะยังผิดกฎหมายหากทำหลังจากตั้งครรภ์ได้ 15 สัปดาห์ นี่จึงนับเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญของประชาชนในการเลือกผู้ว่าราชการระดับรัฐอย่างเพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน และมิชิแกน เพื่อขับเคลื่อนกฎหมายทำแท้งในรัฐเหล่านี้

นอกเหนือจากการทำแท้งแล้ว ชัยชนะของพรรคฝั่งใดก็ตามจะส่งผลต่อนโยบายด้านอื่นๆ ที่สำคัญต่อสหรัฐฯ

หากพรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะ เราอาจได้เห็นการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิผู้อพยพ สิทธิทางศาสนา และการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมขั้นรุนแรง แต่ถ้าพรรคเดโมแครตชนะ พวกเขาจะเริ่มผลักดันเรื่องการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณสุข สิทธิในการออกเสียงลงคะแนน และการควบคุมกฎหมายอาวุธปืน

2. อนาคตอันเลือนลางของไบเดน

เห็นได้ชัดว่าความนิยมของพรรคเดโมแครตตกลงอย่างมาก หลังการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและพิษเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2022 รวมถึงความล้มเหลวจากนโยบายทุกด้านที่ไบเดนพยายามผลักดัน ทั้งการลดปัญหาโลกร้อน การควบคุมอาวุธปืน สวัสดิการ และความยากจนของประชาชน ที่ไล่หลังพวกเขาไปทุกที่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งกลางเทอม รวมถึงความชราของประธานาธิบดีไบเดน ที่ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ทำให้พรรคเดโมแครตต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากเพื่อรักษาที่นั่งในรัฐสภาเอาไว้

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งกลางเทอมจะเทไปฝั่งไหน ไบเดนก็ไม่รอด และน่าจะไม่ได้ ‘ไปต่อ’ ในฐานะตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 อย่างแน่นอน อีกทั้งไบเดนและที่ปรึกษาของเขาก็ได้ออกมายืนยันว่าเรื่องดังกล่าวว่าการถอดถอนนี้จะเกิดขึ้นจริง และมีคนในพรรคเดโมแคตรจำนวนไม่น้อยแข่งขันกันเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อขึ้นเป็นประธานพรรคคนใหม่

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2022 ในการลงพื้นที่หาเสียงครั้งสุดท้าย ไบเดนจึงผนึกกำลังกับอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา (Barack Obama) ร่วมกันขึ้นเวทีที่ฟิลาเดลเฟีย เพื่อเรียกความเชื่อมั่นต่อพรรคให้กลับคืนมา และเป็นการปลุกพลังให้ประชาชนออกไปลงคะแนนเสียงเพื่อสนับสนุนพรรคเดโมแครต

“ผมเข้าใจว่าประชาธิปไตย อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกในวันที่พวกคุณต้องกังวลเรื่องปากท้อง แต่อย่างที่พวกคุณได้เห็นในหน้าประวัติศาสตร์นับครั้งไม่ถ้วนว่า เมื่อใดที่ประชาธิปไตยถูกทำลาย เราทุกคนจะต้องเจ็บ และนั่นคือปัญหาของจริง” โอบามากล่าวบนเวทีหาเสียงที่รัฐฟิลาเดลเฟีย

3. รีพับลิกันได้โอกาสตรวจสอบเดโมแครต

เป็นเวลา 2 ปีที่พรรคเดโมแครตจำกัดการตรวจสอบหลายเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการดำรงตำแหน่ง และหยิบยกเพียงเรื่องการโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ซึ่งเป็นรอยด่างของ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นจุดสนใจหลัก

รัฐบาลพรรคเดโมแครตสัมภาษณ์คนหลายร้อยคน และจัดให้มีการพิจารณาคดีเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพื่อเตรียมจะแฉว่าทรัมป์มีส่วนรู้เห็นและอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่างไรบ้าง โดยพรรคเดโมแครตมีแผนจะเผยแพร่รายงานก่อนสิ้นปีนี้

แต่เกมก็พลิกอีกครั้ง เมื่อพรรครีพับลิกันที่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะคว้าชัยในการเลือกตั้งกลางเทอม ได้กล่าวถึงความตั้งใจในการยกเลิกคณะกรรมการที่ตรวจสอบคดีการโจมตี 6 มกราคม และเปิดการพิจารณาคดีความสัมพันธ์ทางธุรกิจของ ฮันเตอร์ ไบเดน (Hunter Biden) ลูกชายของไบเดน ที่กำลังอยู่ภายใต้การตรวจสอบโดยรัฐบาลกลาง ถึงการที่เขานำบริษัทพลังงานบูริสมา (Burisma) ในยูเครน เข้าร่วมในข้อตกลง CEFC China Energy ของจีนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันยังมีความสนใจที่จะตรวจสอบนโยบายการอพยพย้ายถิ่นฐานของไบเดน การถอนตัวจากอัฟกานิสถานของสหรัฐฯ และต้นกำเนิดการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสในจีนอีกด้วย

4. โอกาสคืนสังเวียนของทรัมป์

นับตั้งแต่ลงจากที่นั่งประธานาธิบดี ทรัมป์ก็ไม่เคยละทิ้งงานด้านการเมือง เขายังคงอยู่เบื้องหลังเพื่อบริหารงานหลายอย่างในพรรค และพยายามปั้นผู้แทนหน้าใหม่ของพรรครีพับลิกันให้ประสบความสำเร็จในเวทีการเมือง เช่น อดีตนักฟุตบอล เฮอร์เชล วอล์กเกอร์ (Herschel Walker) ในรัฐจอร์เจีย เมห์เม็ต ออซ (Mehmet Oz) แพทย์คนดังจากรายการโทรทัศน์ในเพนซิลเวเนีย และเจย์ดี แวนซ์ (JD Vance) นักเขียนชื่อดังในโอไฮโอ โดยทรัมป์มีความตั้งใจที่อยากจะให้ผู้แทนฯ ของพรรครีพับลิกันเป็นคนเข้าถึงประชาชนได้จริงๆ

การหาเสียงครั้งสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองลาโทรบ รัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อสนับสนุน เมห์เม็ต ออซ กับการลงแข่งครั้งแรกในฐานะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และเขายังกล่าวทิ้งท้ายบนเวทีว่า “หากคุณอยากให้ครอบครัวปลอดภัยและได้รับความคุ้มครอง คุณต้องโหวตพวกเดโมแครตออกไปให้หมด”

หากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งกลางเทอม จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสัญชาตญาณทางการเมืองของทรัมป์เฉียบแหลม และอาจทำให้เขาได้รับเลือกให้กลับมาขึ้นแท่นประธานาธิบดีของพรรคอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2024 แต่ถ้าพรรครีพับลิกันแพ้ เขาอาจจะเสียหน้าและเสียความน่าเชื่อถือไปอีกนาน

5. แม้แต่กลุ่มคนที่เคยหมดศรัทธาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนก็พร้อมใจมาร่วมลงคะแนนเสียง

จากเหตุการณ์ความวุ่นวายมากมายที่เกิดขึ้นตลอด 2 ปี หลังไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่ง ทำให้ผู้คนจำนวนมากอยากออกมาลงคะแนนเสียงเพื่อเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองของสหรัฐฯ เช่น กลุ่มคนที่ลุกฮือปกป้องพรรครีพับลิกันในเหตุจลาจลวันที่ 6 มกราคม เพราะเชื่อว่าชัยชนะถูกขโมยไปจากทรัมป์ หรือกลุ่มเด็กอายุ 18 ปี ที่อยากเป็นตัวแทนเยาวชนในการแก้ไขกฎหมายการควบคุมอาวุธปืนผ่านการเลือกตั้งครั้งแรกของพวกเขา

ความพิเศษอีกประการที่ดึงผู้คนออกมาเลือกตั้งมากขึ้น คือจะไม่มีเหตุการณ์ยกเลิกผลการเลือกตั้งของบางเมืองหรือบางรัฐ แบบที่ทรัมป์ทำให้เกิดขึ้นในปี 2020 เพราะในปีนี้ พวกเขาสามารถร่วมดำเนินคดีกับผู้แทนท้องถิ่นตามข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือออกกฎและข้อบังคับใหม่เพื่อลดการโกงคะแนนเสียงบางอย่างได้ ทั้งการเลือกตั้งทางไปรษณีย์หรือการเลือกตั้งผ่านกล่องลงคะแนน

ที่มา

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-63139993

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-63531155

https://www.cnbc.com/2022/11/05/biden-obama-to-campaign-together-during-midterm-election-push.html

Tags: , , , , , , ,