วันนี้ (20 กรกฎาคม 2565) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวชี้แจง ภายหลัง ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการปกป้องรักษาการผู้อำนวยการคลังสินค้า และประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าเรื่องการทุจริตถุงมือยางตอนหนึ่งว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเรื่องนี้ตนเป็นผู้ส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนด้วยตัวเอง และมีความคืบหน้าตามลำดับ ทั้งนี้ เรื่องที่ผ่านมา ป.ป.ช. ไม่เคยเรียกตนเองไปชี้แจง สะท้อนว่าเรื่องนี้ตนเองไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วย

จุรินทร์ยังระบุอีกด้วยว่า ภารกิจขององค์การคลังสินค้าในการทวงเงินคืนจากการทุจริตไม่ได้มีแค่เรื่องถุงมือยาง แต่มีเงิน 3 ก้อนใหญ่ๆ ที่องค์การคลังสินค้าต้องดำเนินการทวงคืน คือ

1. ทวงเงินทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยคืน

2. ทวงเงินกรณีทุจริตจำนำข้าว 5.48 แสนล้านบาท สมัยที่ ‘ฝ่ายค้าน’ เป็นรัฐบาล

3. ทวงเงินกรณีทุจริตจำนำมันสำปะหลัง คู่แฝดทุจริตจำนำข้าว ในช่วงที่ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลเช่นกัน

สำหรับกรณีทุจริตถุงมือยาง เพราะอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. ทำสัญญาขายถุงมือยาง 1.25 แสนล้านบาท ให้ 7 บริษัท ทำสัญญากับบริษัท การ์เดียนโกลฟ 1.1 แสนล้านบาท โดยประมาณ เป็นเงื่อนไข – จังหวะ ในการเบิกเงินไป 2,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่ามัดจำ และเมื่อพบว่ามีการทุจริต เงินหาย 2,000 ล้านบาท ก็ได้สั่งย้ายผู้อำนวยการ อคส. ทันที และมีการดำเนินการเพื่ออายัดเงินทันทีเช่นกัน

สำหรับการดำเนินการหลังจากนั้น มี 3 เรื่อง ได้แก่ ดำเนินคดีทางแพ่งกับทางอาญา มีคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจนสรุปผลการสอบวินัยแล้วเสร็จ ชี้มูลความผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังมีการติดตามทวงเงิน 2,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย โดยมีมติให้ผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งประมาทเลินเล่อร้ายแรง เจตนาทำให้รัฐเสียหาย มี 4 รายต้องชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท รวม 1,603 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มประมาทเลินเล่อมี 3 ราย ชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท รวม 400.8 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน จุรินทร์ยังได้ฉายสไลด์ภาพอินโฟกราฟิกว่าด้วยการทุจริตจำนำข้าว โดยเซ็นเซอร์หน้าของผู้ที่ถูกศาลสั่งจำคุก และศาลสั่งดำเนินคดี พร้อมกับระบุว่า การทุจริตจำนำข้าวนั้นทำให้องค์การคลังสินค้าเสียหาย 504,861 ล้านบาท จนต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายรวม 1,180 คดี ทำให้ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าเป็นการพูดกันคนละเรื่อง

อย่างไรก็ตาม จุรินทร์ระบุว่าไม่ได้เอาชั่วใส่ใคร และถ้าชั่วจริงก็ต้องชั่ว โดยการดำเนินการทางกฎหมายต้องเกิด เหมือนทุจริตถุงมือยางถ้าทุจริตจริงก็ต้องจัดการ

“ผมกำลังอธิบายว่าติดตามความเสียหายอย่างไรและไม่ได้มีก้อนเดียวเฉพาะถุงมือยาง ยังมีทุจริตจำนำข้าวอีกก้อน เป็นภารกิจต้องติดตาม ซึ่ง 1,180 คดี ความเสียหาย 5 แสนกว่าล้านบาท ต้องทุ่มเทกำลังเวลาในการปฏิบัติงานไปใช้กับการดำเนินคดีที่พวกท่านก่อไว้ 10 ปีที่แล้ว คดียังอยู่ในศาลคืบหน้าเป็นลำดับแต่ยังต้องใช้เวลาตามกระบวนการยุติธรรม

“และอีกก้อน 3 หมื่นกว่าล้านบาท ทุจริตจำนำมันสำปะหลัง สมัยท่านเป็นรัฐบาลเหมือนกัน ผมถึงบอกว่าก๊อปปี้ทุจริตจำนำข้าวมาเลย ไม่ต้องเอ่ยว่ารัฐบาลไหนคือพวกท่านแล้วกัน ทำ อคส. ขาดทุน 3.3 หมื่นล้านบาท ต้องทุ่มเทกำลังฟ้อง ฟ้องแล้ว 164 คดี เรียกค่าเสียหาย 20,065 ล้านบาท ศาลจำคุกแล้ว 26 คดี แต่ยังไม่จบ ต้องเอาเจ้าหน้าที่ขึ้นศาลเพราะสิ่งที่พวกท่านก่อไว้

Tags: , , , ,