“ที่ฉันตัดสินใจจากไปครั้งนี้ เพราะตำแหน่งที่มากด้วยอภิสิทธิ์นี้มาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมายเช่นกัน ความรับผิดชอบต่อตัวเองเวลาที่รู้ว่าฉันเหมาะจะเป็นผู้นำ และบางครั้งก็ไม่เหมาะ ฉันรู้ดีว่าต้องอุทิศอะไรให้งานนี้ เลยคิดว่าฉันน่าจะไม่มีกำลังมากพอที่จะผดุงความยุติธรรมไว้ได้ มันก็เท่านั้น
“ฉันเป็นแค่คนคนหนึ่ง นักการเมืองก็เป็นคน เราทำทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้ ในเวลาที่นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ และมันถึงเวลาของฉันแล้ว”
จาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์และหัวหน้าพรรคแรงงาน วัย 37 ปี แถลงการณ์เรื่องการอำลาตำแหน่งในช่วงเช้าของวันที่ 19 มกราคม 2023 โดยเธอจะสิ้นสุดบทบาทอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2023 แต่จะยังคงทำงานในตำแหน่ง ส.ส. ต่อไปจนถึงการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึงในเดือนตุลาคม 2023
ตลอดเวลา 5 ปีครึ่งที่จาซินดาดำรงตำแหน่งนายกฯ นิวซีแลนด์ เป็นนายกฯ หญิงคนที่ 3 ของประเทศ และเคยเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในโลก เธอได้ฝากผลงานอันน่าประทับใจไว้ให้กับประชาชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับโควิด-19 จนเหลือผู้ติดเชื้อหลักหน่วยได้ก่อนหลายประเทศในโลก การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้ประชาชน เพิ่มจากจัดเก็บภาษีคนรวย ผลักดันให้คณะรัฐมนตรีมีความหลากหลายทางเพศและชาติพันธุ์ รวมถึงความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาวะทางเพศของผู้หญิง และสุขภาพจิตของประชาชน
ถึงกระนั้นเส้นทางของจาซินดาก็ไม่ได้ราบรื่นเสียทีเดียว
สำนักข่าวนิวส์ฮับของนิวซีแลนด์ (NewsHub) เผยแพร่ข้อมูลภายใต้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการว่าด้วยภัยคุกคามต่อนายกรัฐมนตรีจาซินดา พบว่ามีรายการขู่ทำร้ายเธอ 18 รายการในปี 2019 และเพิ่มขึ้นเป็น 32 รายการในปี 2020 จนปี 2021 มีคำขู่มากถึง 50 รายการ ทางตำรวจคาดการณ์ว่าการส่งคำขู่ทั้งหมดอาจมีเหตุมาจากนโยบายการปิดประเทศและการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของภาครัฐ ทำให้กลุ่มที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนไม่พอใจ และมองว่าเป็น ‘อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ’ และอีกกรณีหนึ่งคือการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการใช้อาวุธปืนหลังเหตุกราดยิงหมู่ที่มัสยิดในไครสต์เชิร์ช (Christchurch Mosque Shootings) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2019
ผู้ต่อต้านหลายคนถึงขั้นออกมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มีการประหารชีวิตจาซินดา และมีชาย 2 คน ถูกจับกุมข้อหาขู่ลอบสังหารเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากการขู่เอาชีวิตแล้ว ยังมีข้อความขู่ว่าจะข่มขืนเธออีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2022 ความนิยมในตัวจาซินดายังตกฮวบจากปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ 7.3% ทำให้ประชาชนจำนวนมากมองว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารของจาซินดาไม่มีความสามารถด้านเศรษฐกิจ
สำนักข่าวนิวซีแลนด์เฮอรัลด์ (NZ Herald) ได้ทำผลสำรวจว่าการลาออกครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้เข้าร่วมโหวตราว 4.9 หมื่นคน 78% เห็นด้วย 14% ไม่เห็นด้วย และ 8% ไม่แน่ใจว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วหรือไม่ (อ้างอิงจากผลสำรวจเมื่อเวลา 11.20 น. ตามเวลาประเทศไทย)
จาซินดาแถลงว่าการลดลงของความนิยมที่ตามหลังพรรคอนุรักษนิยม (National Party) ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ลาออก
“ฉันไม่ได้ลาออกเพราะกลัวแพ้การเลือกตั้ง ฉันเชื่อว่าเราจะชนะ นี่เป็นเหตุผลที่ฉันอยากให้มีคนหน้าใหม่ๆ เข้ามารับกับความท้าทายหลังจากนี้” จาซินดากล่าว
เธอเสริมอีกว่าการลาออกไม่ได้เกิดขึ้นจากความท้อใจเรื่องงาน ถ้าเป็นเช่นนั้น เธอคงจะตัดสินใจออกตั้งแต่ 2 เดือนแรกที่ดำรงตำแหน่ง เพราะเธอต้องเผชิญทั้งโรคระบาด การกราดยิง และเหตุภูเขาไฟระเบิดที่ไวต์ไอส์แลนด์ (White Island Volcano Eruption)
ด้าน แอนโธนี อัลบานีส (Anthony Albanese) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ออกมาทวีตข้อความแสดงความเสียใจถึงการลาออกจากตำแหน่งของจาซินดาในครั้งนี้ ความว่า
“จาซินดา อาร์เดิร์น ได้แสดงให้โลกเห็นถึงวิธีการเป็นผู้นำด้วยสติปัญญาและความแข็งแกร่ง เธอได้แสดงให้เห็นว่าความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจลึกซึ้งเป็นคุณสมบัติความเป็นผู้นำที่ทรงพลัง จาซินดาทำงานเพื่อนิวซีแลนด์อย่างจริงจัง เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายและเป็นเพื่อนที่ดี”
ขณะนี้พรรคแรงงานมีเวลา 7 วัน ในการเฟ้นหาผู้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งจะเริ่มเปิดให้คณะรัฐบาลลงคะแนนเสียงในวันที่ 22 มกราคมนี้
ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าใครจะได้ขึ้นมาแทนจาซินดา ทว่าตอนนี้ แกรนต์ โรเบิร์ตสัน (Grant Robertson) รองหัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีคลัง เป็นบุคคลลำดับแรกๆ ที่ได้รับพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่โรเบิร์ตสันยืนยันในถ้อยแถลงวันเดียวกับที่จาซินดาประกาศลงจากตำแหน่งว่า “ผมไม่แสวงหาสิ่งใด และไม่พร้อมที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแรงงาน”
ภาพ: AFP
ที่มา
Tags: นิวซีแลนด์, จาซินดา อาร์เดิร์น, นายกนิวซีแลนด์