ปัจจุบัน การออกกำลังกายไม่ได้จำกัดอยู่ในสวนสาธารณะหรือฟิตเนสเท่านั้น เพราะปัจจัยหลายข้อทำให้ผู้ที่รักสุขภาพเลือกออกกำลังกายในบ้านเป็นหลัก เช่น เวลาทำงานที่รัดตัว ความกลัวเสี่ยงติดเชื้อจากโรคระบาดในที่สาธารณะ และไม่อยากคลุกคลีกับคนจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี ผู้คนจำนวนมากต่างแสวงหาการออกกำลังกายที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อให้ผลลัพธ์ด้านสุขภาพร่างกายออกมาดีที่สุด รวมถึงลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ บ่อยครั้งเราจึงเห็นการว่าจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว หรือการค้นหาวิธีออกกำลังกายบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งค่าใช้จ่ายแต่ละรอบก็ค่อนข้างสูง กระทั่งปี 2019 เทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘กระจกฟิตเนสไฮเทค’ ได้ถูกคิดค้นผลิตออกมาเพื่อช่วยขจัดปัญหาดังกล่าว
เทคโนโลยีกระจกฟิตเนสมีดีอย่างไร ทำไมผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายถึงแสวงหามาใช้งาน?
กระจกฟิตเนสไฮเทค หรือ Hightech Fitness Mirrors มีลักษณะคล้ายกระจกธรรมดาทั่วไป ส่วนใหญ่ผลิตออกมาในรูปทรงขนาดแนวตั้ง ความสูง 52 นิ้ว กว้าง 22 นิ้ว มีลำโพงสเตอริโอในตัว เมื่อเปิดระบบใช้งาน บานกระจกจะเปลี่ยนเป็นหน้าจอ LCD ที่สามารถใช้นิ้วแตะเลือกฟังก์ชันได้มากมาย ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงที่มี AI เป็นผู้ช่วยคอยดูว่า คุณออกกำลังกายในลักษณะท่วงท่าที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง AI จะแสดงข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจอ พร้อมแนะนำว่าผู้ใช้ต้องปรับแก้ท่าทางอย่างไรบ้าง เพื่อให้ปลอดภัยต่อสรีระร่างกายกับการทำงานคลื่นหัวใจ และเมื่อจบการออกกำลังกาย ผู้ใช้งานยังสามารถใช้ฟังก์ชันเซนเซอร์ประเมินความเปลี่ยนแปลงรูปร่างตนเองได้อีกด้วย
กระจกฟิตเนสไฮเทคยังสามารถเลือกคอร์สการออกกำลังกายได้หลากหลาย อาทิ เวต (Weights), โยคะ (Yoga), พิลาทิส (Pilates) และคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) รวมถึงสามารถเข้าร่วมคลาสสตรีมมิงออกกำลังกายออนไลน์ ที่มีเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำไม่ต่ำกว่า 1,000 คลาส
ฟังดูอาจมีแต่ข้อดี แต่เมื่อไม่นานมานี้ ดร.แอนโทนี ปาปาโทมัส (Dr. Anthony Papathomas) นักจิตวิทยาด้านการกีฬาและฟิตเนสแห่งมหาวิทยาลัยลอฟบะระ (Sports and Fitness Psychologist at Loughborough University) ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเตือนผู้ใช้งานกระจกดังกล่าวผ่านสำนักข่าว BBC ว่า อาจเสี่ยงเป็น ‘ภาวะหมกมุ่นสรีระ’ เพราะต้องจ้องมองตนเองผ่านกระจกตลอดเวลาที่ออกกำลังกาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานสูญเสียความมั่นใจในรูปร่าง และหันมาออกกำลังกายแบบหักโหมเพื่อให้ได้รูปร่างอันเพอร์เฟกต์ จนส่งผลเสียต่อการกิน การนอน และสุขภาพจิต
“จากมุมมองทางจิตวิทยา การออกกำลังกายผ่านหน้ากระจกอาจช่วยเพิ่มสุนทรียะและเพิ่มแรงจูงใจที่จะปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ แต่ขณะเดียวกันก็ยังแฝงไปด้วยเรื่องน่าเป็นห่วงว่า ผู้ที่มีสรีระไม่เพอร์เฟกต์อาจสูญเสียความมั่นใจและคิดล้มเลิกความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง หรือไม่ก็หันมาโหมออกกำลังอย่างหนัก จนสุดท้ายส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันและสุขภาพจิต โดยขาดการคำนึงว่า แต่ละคนเกิดมามีรูปร่างหรือระบบเผาผลาญพลังงานต่างกัน” ดร.แอนโทนีกล่าว “ดังนั้น การออกกำลังกายควรประเมินและคำนึงถึงความเหมาะสมของสภาพร่างกายตนเองให้มากในระยะยาว”
ใครที่อยากหากระจกฟิตเนสไฮเทคมาใช้งาน สามารถซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไป โดยมีหลากหลายแบรนด์ อาทิ Tonal, Mirror, NordicTrack, Portl และ ProForm ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 45,000 บาท)
สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมว่ากระจกฟิตเนสไฮเทคนี้มีจุดประสงค์แท้จริงก็เพื่อ ‘สุขภาพ’ แข็งแรงปราศจากโรคภัย ฉะนั้น ไม่ควรวิตกกังวลถึงผลลัพธ์หลังการออกกำลังกายจนเกินพอดี ดังที่เทรนด์ ‘My body, My Choice’ ได้ชวนให้สังคมพิจารณานิยามความสวย ความหล่อ ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้จำกัดตายตัวเสมอไป และทุกคนล้วนมีคุณค่าในตนเอง
Tags: Report, ออกกำลังกาย, Tech, กระจกฟิตเนส