ครม.เห็นชอบร่าง ‘Entertainment Complex’ คาดสร้างรายได้ 1 แสนล้านบาท ผู้ลงทุนต้องเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศ

วันนี้ (13 มกราคม 2568) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยตอนหนึ่งระบุว่า ในการประชุม ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ตามที่กระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอ และให้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา

แพทองธารกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการมีร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือ ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากภาคการท่องเที่ยว ส่งเสริมการลงทุนในประเทศและลดปัญหาการพนันผิดกฎหมายที่อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมภาพรวมในอนาคตทำให้เกิดการท่องเที่ยวยั่งยืน ตามที่เคยประกาศไว้ต่อรัฐสภาว่า จะเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations)

ต่อมา จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงในรายละเอียดว่า Entertainment Complex ไม่ใช่เรื่องของการทำคาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ครอบครัวสามารถมาท่องเที่ยวได้ และคาสิโนมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

พร้อมทั้งระบุเพิ่มเติมว่า โมเดลธุรกิจดังกล่าวได้รับความสำเร็จทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ หรือเขตปกครองพิเศษมาเก๊า สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังสร้างเม็ดเงินให้กับประชาชนและรัฐอย่างมีนัยสำคัญ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแถลงต่อด้วยว่า การลงทุนจริงต่อจุดหมายจะไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มรายได้ทางการท่องเที่ยวได้มากถึง 2.2-2.3 แสนล้านบาทต่อปี และสำนักงานเศรษฐกิจการคลังประเมินว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น 5-10% และสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโลว์ซีซันได้ไม่ต่ำกว่า 13% และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อหัวให้เป็น 2 หมื่นบาทต่อราย และส่งเสริมการจ้างงานกว่า 9,000-1.5 หมื่นตำแหน่ง

อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีการพูดคุยในรายละเอียดถึงขั้นที่สามารถระบุได้ว่า การลงทุนจริงจะเกิดขึ้นที่ใด ใช้เม็ดเงินลงทุนเท่าไร อีกทั้งยังไม่ได้มีการพูดถึงผู้ประกอบการเจ้าใดที่จะเข้ามาลงทุน

“ไม่มีนะครับ รัฐบาลไม่มีการพูดคุย เพราะสุดท้ายกระบวนการทั้งหมดต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ต้องมีการออก TOR (เอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียด) และผู้ลงทุนทุกคนต้องนำมาเสนอแข่งขันกัน ณ ขณะนี้ไม่มีเรื่องจำนวน ไม่มีเรื่องของสถานที่” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การลงทุนมีขนาดใหญ่จะเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนด้วยหรือไม่ จุลพันธ์ให้คำตอบว่า มีรายละเอียดจุดนี้อยู่คือ ต้องเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนภายในประเทศไทย หากบริษัทต่างชาติจะเข้ามาร่วมการค้าก็ต้องปฏิบัติตามกติกาดังกล่าว