ชาวซีเรียทั่วโลกออกมาแห่ฉลองบนท้องถนนและประกาศชัยชนะ หลังกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ซาม (Hayat Tahrir al-Sham: HTS) เข้าโจมตี ‘ระบอบอัสซาด’ สายฟ้าแลบ ฉวยโอกาสขณะที่ ‘มหาอำนาจ’ ที่สนับสนุนจอมเผด็จการอย่างรัสเซีย อิหร่าน และกลุ่มฮิซเบาะเลาะห์ (Hezbollah) อยู่ระหว่างสงครามอิสราเอลกับยูเครนที่กำลังคุกรุ่น คาดว่า บาซาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) ผู้นำอำนาจนิยมคนปัจจุบัน หนีไปตั้งหลักที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
เมื่อวานนี้ (9 ธันวาคม 2024) สำนักข่าวต่างประเทศชั้นนำรายงานตรงกันว่า กองกำลังฝ่ายต่อต้าน HTS ยึดกรุงดามัสกัส (Damascus) เมืองหลวงของซีเรียได้สำเร็จ และประกาศยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง 13 ปี โดย อาเหม็ด อัล-ซารา (Ahmed al-Sharaa) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี (Abu Mohammed al-Golani) ผู้นำกลุ่ม HTS ประกาศว่า ชัยชนะครั้งนี้คือการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในภูมิภาค
ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่า บาซาร์ อัล-อัสซาด จอมเผด็จการและครอบครัว หลบหนีไปด้วยเครื่องบินส่วนตัว โดยคาดว่าเขาได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศรัสเซียเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ โมฮัมเหม็ด กาซี อัล-จาลาลี (Mohammad Ghazi al-Jalali) นายกรัฐมนตรีซีเรีย อ้างว่าเขาติดต่อประธานาธิบดีไม่ได้ตั้งแต่คืนวันเกิดเหตุ
บรรยากาศแห่งความปลื้มปิตีของเหตุการณ์ครั้งนี้ สะท้อนจากภาพชาวซีเรียที่ต่างออกมาสนับสนุน และโบกธงชาติซีเรียที่เป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัติ พร้อมกับโค่นรูปปั้นของอัสซาดและฮาเฟด อัล-อัลซาด (Hafez al-Assad) บิดาของบาซาร์ ขณะที่บางส่วนบุกทำเนียบประธานาธิบดี และรื้อค้นสิ่งของมีค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถหรูหรือสินค้าราคาแพงหูฉี่ ด้านผู้คนบางส่วนต่างร่ำไห้ และรู้สึกเหลือเชื่อที่ระบอบเผด็จการที่ครองประเทศนับ 50 ปี สิ้นสุด
“ซีเรียเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ของตระกูลอัสซาด” คือเสียงตะโกนโห่ร้องของประชาชนบางส่วน ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) เปิดเผยว่า ชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ทั่วทุกมุมโลก เช่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และตุรกี ต่างออกมาแสดงความยินดีต่อการล่มสลายของระบอบอัสซาด
สำหรับสถานการณ์นับจากนี้ อัล-ซารา ยืนยันต่อว่า เขาจะยังคงรักษาการณ์ตำแหน่งผู้นำ เพื่อให้แน่ใจว่าซีเรียจะเดินหน้าต่อไปได้ โดยจะจัดการเลือกตั้งใหม่ และส่งต่อภารกิจให้กับว่าที่รัฐบาล ขณะที่กลุ่ม HTS ออกแถลงการณ์สนับสนุนแผนการข้างต้น
ซีเรียถือเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่เผชิญกับสงครามกลางนองเลือดร้ายแรง ทั้งผลประโยชน์และภูมิรัฐศาสตร์ หลังระบอบอัสซาดเข้าปราบปรามกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงการประท้วงอาหรับสปริงในปี 2011 โดยได้รับความช่วยเหลือจากชาติมหาอำนาจอย่างอิหร่านและรัสเซีย ขณะที่กลุ่มต่อต้านได้รับการสนับสนุนจากกาตาร์ และตุรกีในปี 2015
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบอบอัสซาดล่มสลาย นอกจากเศรษฐกิจซีเรียตกต่ำ จนทำให้ต้องส่งออก ‘ยาเสพติด’ เป็นรายได้ของประเทศ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ ประชาชนเสื่อมศรัทธาในระบอบเผด็จการ โดยทหารและตำรวจต่างทิ้งหน้าที่ไม่ยอมสู้รบกับกลุ่มต่อต้าน ขณะที่มหาอำนาจอย่างรัสเซียและกลุ่มฮิซเบาะเลาะห์ ที่อุปถัมภ์ค้ำชูจอมเผด็จการ ต่างติดอยู่บ่วงสงครามของตนเอง จนไม่มีกำลังสนับสนุนรัฐบาลซีเรียที่เพียงพอ
อ้างอิง:
– https://www.aljazeera.com/news/2024/12/7/lavrov-says-russia-wants-immediate-end-to-fighting-in-syria
– https://edition.cnn.com/2024/12/07/world/syria-rebellion-middle-east-power-explainer-intl/index.html
ภาพ: AFP
Tags: Global Affairs, อาหรับสปริง, ซีเรีย, อัสซาด