วันนี้ (18 กรกฎาคม 2567) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลในฐานะกรรมาธิการ และนิกร จำนง เลขาธิการกรรมาธิการ ร่วมแถลงผลประชุมว่า ในที่ประชุมมีข้อยุติทั้งหมดเรียบร้อย ขณะนี้กำลังจัดทำรายงานเพื่อส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ชูศักดิ์กล่าวว่า ในที่ประชุม กมธ.มีข้อยุติทั้งหมดแล้วว่า หลักการในการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะเป็นอย่างไร โดยมี 3 ประเด็น ดังต่อไปนี้
- ควรมีการนิรโทษกรรมในการกระทำหรือเหตุที่มีแรงจูงใจทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงปัจจุบัน โดยมีบทนิยามที่ชัดเจนว่า ความผิดที่เกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเมืองนั้น มีความผิดในเหตุใดบ้าง
- มติในที่ประชุมเห็นตรงกันว่า การกระทำความผิดที่มีผลต่อชีวิต หรือเป็นความผิดที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เช่น กรณีตามกฎหมายอาญา มาตรา 288 และมาตรา 289 จะไม่ถูกรวมอยู่ในการนิรโทษกรรม เพราะเป็นเหตุประทุษร้ายต่อชีวิต ไม่ใช่กระทำความผิดต่อรัฐฝ่ายเดียว
- ความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญา มาตรา 110 (ประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์) และมาตรา 112 ทางคณะกรรมาธิการเห็นว่า เป็นความผิดที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง จึงส่งความเห็นประกอบไปทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่
– ความเห็นส่วนที่ 1 คือ ‘ไม่ควรนิรโทษกรรม’ โดยจะมีการระบุเหตุผลในรายละเอียดว่า เหตุใดจึงไม่เห็นควรให้มีการนิรโทษกรรมในคดีที่เกี่ยวข้อง
– ความเห็นส่วนที่ 2 คือ ‘ควรนิรโทษกรรมโดยไม่มีเงื่อนไข’ โดยจะมีการระบุเหตุผลในรายละเอียดว่า เหตุใดจึงเห็นควรให้มีการนิรโทษกรรมโดยไม่มีเงื่อนไข
– ความเห็นส่วนที่ 3 คือ ‘ควรนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข’ โดยจะมีการระบุเหตุผลในรายละเอียดว่า เหตุใดจึงเห็นควรให้มีการควรนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข เช่น ให้มีคณะกรรมการพิจารณากำหนดเงื่อนไขในการนิรโทษกรรม หรือมีมาตรการป้องกันการเกิดความผิดซ้ำ
“โดยรวมคณะกรรมการเห็นว่าเรามีหน้าที่ศึกษา เมื่อเรามีหน้าที่ศึกษาเราควรจะส่งความเห็นทั้งหมดให้สภาฯ เพื่อพิจารณา แต่เราไม่ปิดกั้นของฝ่ายใด
“ท้ายที่สุดเราก็มอบหมายให้เลขานุการกรรมาธิการทำรายงานในวันพุธหน้า (24 กรกฎาคม 2567) ก็มาดูสรุปและดูรายงานด้วยกัน และคาดว่า จะส่งรายงานต่อสภาภายในสิ้นเดือนนี้” ประธานคณะกรรมาธิการกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากส่งรายงานกลับไปที่สภาฯ เป็นฝ่ายพิจารณาว่า จะให้มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 ตามที่ฝ่ายค้านเสนอหรือไม่ และจะเป็นการ ‘ปิดประตู’ นิรโทษกรรมคดีเหล่านั้นเพราะเสียงสนับสนุนของฝ่ายค้านมีไม่เพียงพอหรือไม่ ชัยธวัชตอบว่า เมื่อนำเสนอรายงานของคณะกรรมาธิการต่อสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป ส.ส.ของแต่ละพรรคการเมืองก็จะไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติตามฉบับของตนเองต่อไปเท่านั้น