วันนี้ (13 พฤศจิกายน 2566) พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงประเด็นการอนุญาตให้ ‘ตำรวจจีน’ เข้าลาดตระเวนในประเทศไทยร่วมกับตำรวจชาวไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว และเพื่อปราบทุนจีนสีเทาในไทยว่า ส่วนตัว ‘ไม่เห็นด้วย’ เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย และยืนยันว่า ตำรวจไทยมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และแสดงถึงศักยภาพในการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มากเพียงพอ และในท้ายที่สุด แนวคิดนี้ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความมั่นคงของประเทศไทย

โดย ผบ.ตร.ระบุเพิ่มเติมว่า วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่จะถึงนี้ เป็นเพียงการประชุมกับสถานทูตจีนที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาไทยเท่านั้น ไม่ใช่เพราะจะดำเนินการอนุญาตโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด

ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน 2566) ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังประชุมหารือร่วมกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า กำลังหารือเกี่ยวกับโครงการนำตำรวจจีนลาดตระเวนร่วมกับตำรวจไทยดังกล่าว เพราะจะส่งเสริมความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนมักเชื่อใจตำรวจจีนมากกว่าตำรวจไทย

“โครงการลาดตระเวน คือการเอา ‘ตำรวจ’ จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาปฏิบัติงานที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเมืองหลัก เราจะเห็นว่า ประเทศไทยเรามีความพร้อมในการยกระดับความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งโครงการนี้มีการคุยกันแล้วตั้งแต่ที่ท่านนายกฯ ไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ” ผู้ว่า ททท.ระบุ

อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมา ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงว่า ข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะที่จริงในตอนนี้มีแผนเพียงต้องการให้มีการร่วมมือทำงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล และตามเบาะแส เพื่อให้ตำรวจไทยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้

อันที่จริงแล้ว โมเดลการลาดตระเวนของตำรวจจีนในต่างแดนไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นที่แรก หากเคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศอิตาลี ช่วงปี 2559-2562 โดยขณะนั้น ทางการตำรวจอิตาลีประกาศความร่วมมือในการลาดตระเวนร่วมกับตำรวจจีน เพื่อยกระดับความร่วมมือในสากล ผ่านการแบ่งปันข้อมูลและทรัพยากร โดยมีหมุดหมายสำคัญเพื่อจัดการกับกลุ่มอาชญากรและผู้ก่อการร้าย

อีกทั้งในช่วงเวลานั้น (ปี 2558) รัฐบาลจีนดำเนินการทำ ‘ข้อตกลงทวิภาคีด้านตรวจการของตำรวจในต่างแดน’ กับหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศแถบโครเอเชีย เซอร์เบีย และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา กัมพูชา บรูไนดารุสซาลาม ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) เผยว่า เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ (Safeguard Defenders) องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ไม่แสวงผลกำไร ระบุถึงการที่ทางการปักกิ่งใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อกดดันชาวจีน ที่ทำงานและอาศัยอยู่ในต่างประเทศบางส่วน เพื่อข่มขู่และจับจ้องชาวจีนในต่างแดน และอาจมากไปถึงการบังคับให้เดินทางกลับประเทศจีนแบบไม่เต็มใจ

ทั้งนี้ แม้ตลอดระยะเวลาของโครงการดังกล่าวที่อิตาลีจะเพิ่มนักท่องเที่ยวจีนอย่างมีนัยสำคัญ โดยโครงการเริ่มตั้งแต่ปี 2559 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศอิตาลีสูงขึ้นถึง 3.3 ล้านคน ก่อนจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปี 2562

อย่างไรก็ตาม อิตาลียกเลิกโครงการดังกล่าวตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา (2565) เพราะรัฐบาลอิตาลีพบ ‘สถานีตำรวจจีนลับ’ อยู่ที่ประเทศอิตาลีถึง 11 แห่ง และมีทั้งหมดถึง 110 แห่ง จาก 53 ประเทศทั่วโลก โดยหลายแห่งเป็นการแอบอ้างสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน พยายามผลักดันให้ชาวจีนที่อยู่อิตาลีกลับบ้านเกิด รวมไปถึงมีการข่มขู่และคุกคามบุคคลที่อาศัยอยูในอิตาลีอีกด้วย

หากมองด้วยบริบทของประเทศไทยที่มีนโยบาย ‘ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน’ ที่รัฐบาลเศรษฐาพยายามนำเสนอและเริ่มทำอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วัน หลังจากการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีสำเร็จ โดยมีหมุดหมายในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวว่า เป็นไปเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดหวังว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยสูงถึง 4.4 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ (2566) เทียบกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นในอิตาลีแล้วก็อาจมองได้ว่า หากเกิดการอนุญาตให้ตำรวจจีนเข้ามาลาดตระเวนในประเทศไทยได้จริง ก็อาจเป็นไปเพื่อเหตุผลทางการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ก่อนหน้า ผบ.ตร.จะแถลงยืนยันถึงความ ‘เป็นไปไม่ได้’ ข้างต้น ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงในสังคมออนไลน์ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดการแทรกแซงทางการเมืองระหว่างประเทศและความมั่นคงทางเอกราชดังที่ใครหลายคนกังวลหรือไม่ เพราะการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างชาติเข้ามาปฏิบัติงานต่างแดน ก็ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย มากไปถึงอำนาจความมั่นคงด้านอธิปไตยของประเทศไทย

Tags: , , , , ,