‘สุรเชษฐ์’ ดับเครื่องชน ‘เศรษฐา’ ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. สอบใช้อำนาจ ‘นายกฯ’ มิชอบด้วยกฎหมาย

วันนี้ (22 เมษายน 2567) พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือตรวจสอบการทำงานของคณะพนักงานสอบสวนในคดีเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน อีกทั้งยังยื่นกล่าวหา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงภายหลังเกิดความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เล่าข้อสังเกตถึงการทำงานที่ผิดปกติของคณะพนักงานสอบสวนว่า นับตั้งแต่พนักงานสอบสวนเห็นเส้นเงินและรายละเอียดคดีทั้งหมด พนักงานสอบสวนแบ่งสำนวนคดีออกมาทำย่อยๆ ซึ่งตามหลักกฎหมายไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากในคดีที่เกิดขึ้นเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน มีเส้นเงินเส้นเดียวกัน และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ดังนั้น ต้องส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาคดีในคราวเดียวกัน 

อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ภายหลังที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนตั้งคดีฟอกเงินมากล่าวหาตน โดยเก็บคดีนี้ไว้มากว่า 4 เดือนเพื่อออกหมายเรียกและหมายจับ อย่างไรก็ตาม ตนออกหนังสือโต้ว่า คดีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ไม่ใช่ของตำรวจแล้ว 

ขณะที่คดีฟอกเงินซึ่งมีเม็ดเงินหมุนเวียนเกิน 300 ล้านบาท ถือเป็นคดีที่อยู่ใต้อำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แต่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนไม่ยอมส่งสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ 

ต่อมาเมื่อมีคำสั่งให้ออกจากราชการเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ระบุว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นการแบ่งงานกันทำเพื่อขัดขวางการขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่

“เมื่อการสอบสวนมันไม่ชอบ ทุกอย่างมันล้มทั้งกระดาน วันนี้คุณเอาผมออกจากราชการ แต่เมื่อต้นไม้มันเป็นพิษ ผลไม้มันก็เป็นพิษ หลังจากนี้มันจะหนังคนละม้วน” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์กล่าว

นอกจากนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ยังยื่นหนังสือร้องเรียนนายกรัฐมนตรีว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดต่อสื่อมวลชน และในอีก 2-3 วันข้างหน้าจะยื่นข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน พร้อมทั้งยื่นฟ้องศาลอาญาทุจริตด้วย

“วันนี้ไปคิดดีๆ ว่าใครหลอกใคร ใครถูกหลอก ส่วนเรื่องความผิดวินัย ผมเตรียมยื่นหนังสือกับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม และจะแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง รับรองได้ว่าสื่อมวลชนตกใจแน่ 

“ทั้งหมดวันนี้คือเรื่องอาญา ถ้าสอบกันแบบนี้ ความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน ถ้าสอบสวนโดยชอบเป็นธรรมแล้วผมยอมรับ ถ้าผมผิดจริง ผมออกเลย เราสู้ตรงนี้ก่อน ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเห็นว่า กระทำโดยมิชอบมีบทลงโทษอย่างไร” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์กล่าวทิ้งท้าย