เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 รายการ b-holder LIVE ทาง The Momentum ชวน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ มาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาค่าไฟแพงและนโยบายปรับลดค่าไฟ รวมถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน
พีระพันธุ์ได้พูดถึงความพยายามในการควบคุมราคาพลังงานตอนที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือต้องการให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของการชำระค่าพลังงาน ทำให้ค่าพลังงานสอดคล้องและเหมาะสมกับความเป็นจริง
พีระพันธุ์ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลที่ต้องมีการปรับราคาไฟฟ้าทุก 4 เดือน ว่า เนื่องจากไฟฟ้าร้อยละ 70-80 ของประเทศผลิตโดยแก๊ส และแก๊สในประเทศค่อนข้างขาดแคลน จึงต้องนำเข้าแก๊สจากต่างประเทศที่เรียกว่า ‘LNG’ หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลว
“แก๊สมันปรับราคาขึ้นลงทุกวันไม่ได้ จึงต้องไปหาค่าเฉลี่ยของแก๊สทุก 4 เดือน เพื่อคำนวนเป็นราคาแก๊สในช่วงนั้น ผมก็ต้องคิดเผื่อสถานการณ์ข้างหน้าว่า จะทำยังไงเพื่อตรึงราคาแก๊สหุงต้ม
“ผมเป็นรัฐมนตรีสองปี ราคาแก๊สหุงต้มไม่เคยขึ้นนะ อยู่ที่ 423 บาทต่อ 15 กิโลกรัม”
พีระพันธุ์ได้พูดถึงต้นตอราคาค่าไฟที่สูง ว่ามาจากปัญหาการผูกขาดไฟฟ้าของประเทศ “สาเหตุที่มีการผูกขาดเป็นเพราะ ไฟฟ้าของประเทศมีกำลังผลิตอยู่ระหว่าง 55,000-57,000 เมกะวัตต์ ในจำนวนนี้เราผลิตจากแก๊สประมาณ 18,000 เมกะวัตต์ และเป็นการผลิตของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตของรัฐแค่ 30% ที่เหลือคือโรงไฟฟ้าเอกชน และในจำนวนที่เหลือของโรงไฟฟ้าเอกชนเป็นของกลุ่มเดียวแทบ 100%”
พีระพันธุ์ระบุต่อว่า ได้เตรียมกฎหมายสำหรับแก้ไขปัญหานี้ไว้เรียบร้อยแล้ว “ความจริงเราไม่ได้คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุการเมือง วงรอบของการดำรงตำแหน่งจริงๆ จะไปจบที่ปี 2570 ผมก็เตรียมกฎหมายที่จะกำหนดควบคุมราคาน้ำมัน ตั้งระบบสำรองน้ำมัน
“เพื่อเอามาแทนกองทุนน้ำมัน ในช่วงที่ผมเป็นรัฐมนตรีพลังงานก็คุยกันไว้ว่า มันมีไฟฟ้าอยู่สามองค์กร แต่องค์กรที่ขึ้นกับรัฐมนตรีพลังงาน และร่วมมือในการปรับลดพลังงานมีองค์กรเดียวคือการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (EGAT) ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกับการไฟฟ้านครหลวงขึ้นกับกระทวงมหาดไทย
“ซึ่งผมก็เจรจาว่า เดี๋ยวจะเอาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกับการไฟฟ้านครหลวงมาร่วมปรับลดราคากับผม ถ้าเอาอีกสององค์กรมาร่วมได้ด้วย ก็จะสามารถปรับลดค่าไฟฟ้าลงมาได้อีก
“ส่วนเรื่องแก๊ส มีนโยบายที่คุยไว้ว่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างแก๊สเพื่อที่ต้นทุนแก๊สที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าถูกลง สามารถเป็นทางเลือกในการลดค่าไฟได้”
พีระพันธุ์แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายหลักของตน ที่ต้องการควบคุมราคาน้ำมัน ตั้งระบบสำรองน้ำมันประเทศ เพื่อปลดแอกคนไทยจากราคาน้ำมันโลก
อีกทั้งยังได้แสดงความคิดเห็นถึงความเห็นของสังคมที่มองว่า เพราะพีระพันธุ์ไปยุ่งกับเรื่องผูกขาดมากไป จึงทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติลำบาก
“ไม่เป็นไร ก็เป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะผมพูดแล้วไงว่าตัวผมทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชน
“ทุกวันนี้พรรคผมอยู่กันด้วยความสุขความสบายใจ แล้วที่ผมแปลกใจนะ มีคนจากพรรคประชาชนมาเป็นสมาชิกพรรคผมเยอะ เขาบอกที่มาเพราะวันนี้เขาอยากเปลี่ยนแปลง แล้วก็เห็นว่ามีพรรคนี้ที่ดูทำงานจริงจัง”
พีระพันธุ์แสดงความเห็นถึงสถานการณ์ภาพรวมการเมืองในปัจจุบัน โดยมองว่าการเมืองทุกวันนี้เปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อนอยากมีนัยสำคัญ
“วันนี้การเมืองเป็นเรื่องของผลประโชยน์ เรื่องของเงินทุน การเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้วไม่มีลักษณะแบบนี้ แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดไปแล้ว การทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองไม่มีแล้ว
“แต่ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะผมต้องการสร้างพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ถ้าเรายังส่งเสริมรูปแบบการเมืองแบบนี้ คือเรากำลังทำร้ายตัวเอง ทำร้ายประเทศ”
พีระพันธุ์กล่าวถึงพรรคที่ต้องการร่วมรัฐบาลด้วย โดยมองว่าหากพูดตอนนี้ก็ยังไม่มีประโยชน์ เพราะยังไม่อยู่ในฐานะที่จะจัดตั้งรัฐบาล และได้แสดงความเห็นว่านโยบายหนึ่งที่ทุกพรรคควรมีร่วมกันคือนโยบายเกี่ยวกับ ‘ความมั่นคงไทย-กัมพูชา’ ทุกรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ต้องจัดการปัญหาให้จบโดยเด็ดขาด
“นโยบายที่สองคือนโยบายที่ต้องจัดการกับพวกคนชั่ว พวกค้ายาเสพติด สแกมเมอร์ ต้องมีนโยบายจัดการโดยเด็ดขาด ที่สำคัญคือต้องไม่มีนโยบายที่ไปกระทบสถาบันหลักของชาติ สิ่งเหล่านี้จะเป็นนโยบายหลักที่ผมจะตัดสินใจว่าจะร่วมงานกับใคร”
Tags: bholder, เลือกตั้ง69, bholderpodcast, รทสช, พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค, เลือกตั้ง, รวมไทยสร้างชาติ, พีระพันธุ์




