ช่วง 2 เดือนก่อนเลือกตั้งหลังจากที่มีการยุบสภาในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา คือช่วงสำคัญของหลายๆ พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่า จะสามารถก้าวข้ามจากการเป็นพรรคแห่งความหวังไปสู่ พรรคที่เข้าใจการเมืองและพร้อมบริหารประเทศอย่างแท้จริง
วันนี้ 16 ธันวาคม 2568 รายการ b-holder LIVE ทาง The Momentum ชวน อธึกกิต แสวงสุข หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม ‘ใบตองแห้ง’ คอลัมนิสต์อาวุโส มาร่วมพูดคุย ถึงข้อแนะนำของสิ่งที่พรรคประชาชนต้องเดินหน้าต่อ ในระยะเวลา 2 เดือนสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พร้อมกับการปรับยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนให้ได้มากที่สุดท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในตอนนี้
อธึกกิตได้กล่าวถึงภาพรวมว่า สิ่งที่การเมืองไทยควรจะปรับคือ ระบบการเลือกตั้ง โดยต้องให้มี สส.แบบบัญชีรายชื่อมากขึ้น เพื่อนำมาทดแทนความนิยมและนโยบายของพรรคการเมือง รวมถึงแนะนำสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อของพรรคประชาชน นั่นคือการทำให้ผู้คนเข้ามาเห็นด้วยกันว่า หากเลือกพรรคส้มหรือพรรคประชาชนแล้ว จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่การเมืองไทยเป็นอยู่ได้
“ถึงแม้ว่าคนจำนวนหนึ่งอาจจะรู้สึก คนที่เคยเป็น Activist ที่เคยหนุนกันมากๆ ตอนปี 66 รู้สึกว่าไม่แน่ใจ ไม่วางใจว่าตกลงคุณจะไปถอยให้เขาอีกหรือเปล่า ผมก็คิดว่า สิ่งที่สำคัญก็คือ จริงๆ แล้วคนจำนวนมากที่อยากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องมองว่า แล้วเราจะเปลี่ยนกับใคร เปลี่ยนกับพรรคไหน คือสุดท้ายแล้วการเลือกพรรคส้มครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นคะแนนเสียงที่เป็นปึกแผ่นและแหลมคมเหมือนปี 66 แต่อาจจะเป็นคะแนนที่กระจาย เป็นการกระจายที่มาจากความต้องการหลายๆ อย่างเอามารวมกัน”
สุดท้ายแล้วการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา ยังคงมองไม่เห็นว่าจะมีพรรคการเมืองใด ที่สามารถทำให้ตัวเองได้เหมือนกับที่เลือกพรรคส้ม
“พรรคส้มมีจุดร่วมกับคนที่หลากหลาย แต่ว่าอาจจะไม่ได้แหลมคมทะลุเพดานเหมือนเมื่อก่อนเหมือนปี 66 แต่มีจุดร่วมด้านนั้นมีจุดร่วมด้านนี้ เหมือนกับในการออกแบบนโยบายอะไรต่างๆ และการประกาศสโลแกน”
ดังนั้นหากพรรคประชาชนยังสามารถหาจุดร่วมของสังคมในด้านต่างๆ ได้ จะนำไปสู่การ ‘เลือก’ และ ‘ผลักดัน’ ต่อไป
ในการวางแคนดิเดต 3 คนในการเลือกตั้ง อธึกกิตเคยถามถึงการให้คนอื่นมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาคือ การที่จะให้คนคนหนึ่งมายืนอยู่ในจุดนี้ จะต้องมีการบ่มเพาะและสร้างการยอมรับในพรรคให้ได้เสียก่อน หากพูดถึงการหาคนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แน่นอนว่าส่วนนี้สามารถหาคนนอกพรรคมาทำแทนได้ แต่แคนดิเดตนายกฯ ก็ยังคงต้องเป็นคนจากภายในพรรคประชาชนเอง ที่ผ่านการร่วมงานกันและเป็นที่ยอมรับของสมาชิกด้วยกันเอง
นอกจากนี้ อธึกกิตยังได้กล่าวถึง เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคว่า เท้งเป็นคนที่ยังมีข้อจำกัดในการสื่อสารและนำเสนอภาพลักษณ์ที่แหลมคมแบบนักการเมืองคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในแง่ของการเป็นผู้บริหารพรรค การทำงานส่วนนี้ยังถือว่าสามารถจัดการได้ดี
“จริงๆ คุณเท้งเป็นคนที่มาจาก สส.เขต สมัยแรกเขาลง สส.เขต สมัยที่ 2 เขาก็จะช่วยเหลือคนที่เป็น สส.เขต ที่เพิ่งเป็นใหม่ๆ เยอะมาก เขาเป็นคนที่คอยแนะนำและเก่งในด้าน IT แต่ว่าในการเป็น Fighter ทางการเมืองหรือการสื่อสารทางการเมืองยังไม่ใช่จุดเด่นของเขา แต่ว่ามันไม่มีคนก็เลยต้องเลือกคุณเท้ง ”
ท้ายที่สุด ความสำเร็จของพรรคประชาชนในสนามการเลือกตั้งครั้งใหม่ จะขึ้นอยู่กับการรวบรวมความหลากหลาย และมีจุดร่วมของประชาชนจนกลายเป็นพลังทางการเมือง เมื่อประชาชนเห็นถึงความสามารถและความหวังจากพรรคประชาชนอีกครั้ง สิ่งนี้จะนำไปสู่แรงผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เข้มข้นในปัจจุบัน
ชมรายการ b-holder LIVE: ‘ใบตองแห้ง’ อธึกกิต แสวงสุข วิเคราะห์ความผิดพลาดของ ‘พรรคประชาชน’ ย้อนหลังได้ทาง https://www.youtube.com/live/LEk8boToxU8
Tags: เลือกตั้ง 69, การเมือง, ภูมิใจไทย, อธึกกิต แสวงสุข, ใบตองแห้ง, พรรคประชาชน, bholder, bholder LIVE




