หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า คาลิด ชีค โมฮัมเหม็ด (Khalid Sheikh Mohammed) และจำเลยอีก 4 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางแผนโจมตีในเหตุการณ์ 9/11 กำลังเจรจากับอัยการสหรัฐฯ เกี่ยวกับการต่อรองคำรับสารภาพ ที่อาจทำให้พวกเขาให้การรับผิด เพื่อแลกกับการหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตได้

เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า ตอนนี้การเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าวกำลังดำเนินอยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การยุติคดีอาญาที่ใหญ่ที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยจำเลยทั้ง 5 คน ถูกตั้งข้อหาครั้งแรกเมื่อปี 2008 ในฐานะผู้วางแผนหรือสนับสนุนการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ที่นำไปสู่การสังหารผู้คนเกือบ 3 พันคน ในตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ของนครนิวยอร์ก อาคารเพนตากอนในกรุงวอชิงตัน และที่ทุ่งในเมืองแชงส์วิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย

ปัจจุบันจำเลยทั้งหมดถูกขังที่คุกในอ่าวกวนตานาโม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นสถานที่คุมขังทั้งนักโทษและผู้ต้องสงสัยในคดีก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ต้องสงสัยจากเหตุการณ์ 9/11 โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับปฏิบัติกับนักโทษในแบบที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ นักโทษที่ถูกคุมขังอาจต้องอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ โดยยังไม่มีการพิจารณาคดี ไม่มีโอกาสได้พบญาติและทนาย และเป็นสถานที่ที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรง โดยเฉพาะการทรมานผู้ถูกคุมขัง

ก่อนหน้านี้จำเลยทั้งห้า ได้แก่ คาลิด ชีค โมฮัมเหม็ด, อัมมาร์ อัล-บาลุชชี (Ammar al-Baluchi), วาลิด บิน แอตแทช (Walid bin Attash), แรมซี บิน อัล-ชิบ (Ramzi bin al-Shibh) และมุสตาฟา อาหมัด อัล-ฮาวซาวี (Mustafa Ahmad al-Hawsawi) ต้องชะงักอยู่กับข้อพิพาททางเทคนิคและจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้อถกเถียงที่ว่า จำเลยจะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมหรือไม่ จาก ‘การทรมาน’ ในคุกที่พวกเขาต้องเผชิญ

ตามรายงานระบุว่า จำเลยทั้งห้าต้องต้องถูกการทรมานที่เรียกกันว่า ‘เทคนิคการสอบสวนขั้นสูง’ ในฐานลับของ ซีไอเอ หรือ ไซต์สีดำ (Black Site) โดยโมฮัมเหม็ดถูกทรมานด้วยวิธีทรมานแบบสำลักน้ำ (Waterboarding) ถึง 183 ครั้ง ขณะที่มีรายงานการยื่นฟ้องต่อศาลฉบับใหม่ที่ระบุว่า บาลุชชี ถูกทรมานใน Salt Pit สถานที่สอบปากคำที่แยกออกมาต่างหากในอัฟกานิสถาน บริเวณทางเหนือของกรุงคาบูล โดยเขาถูกจับกระแทกกับผนังไม้อัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า การเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการพิจารณา แต่หากมีการบรรลุข้อตกลงเรียบร้อย อาจส่งผลสำคัญไม่เพียงต่อจำเลยทั้งห้าเท่านั้น แต่รวมถึงอนาคตของคุกกวนตานาโมด้วย เพราะเคยมีความพยายามในการปิดคุกแห่งนี้มาแล้วในสมัยของ บารัก โอบามา แต่ปี 2015 สภาคองเกรสออกกฎหมายห้ามไม่ให้นักโทษจากอ่าวกวนตานาโมกลับเข้าสหรัฐฯ ทำให้การปิดคุกในสมัยโอบามาทำได้ยากขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว นักโทษที่อยู่ในคุกแห่งนี้ต้องถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต หรือมีคำสั่งทางกฎหมายให้ประหารชีวิต

ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องหลักข้อหนึ่งจากจำเลยทั้งห้าในการยื่นคำร้องร่วมกัน คือให้พวกเขาได้รับอนุญาตรับโทษทั้งหมดที่คุกกวนตานาโม ที่ซึ่งนักโทษได้รับอนุญาตให้ละหมาดและรับประทานอาหารร่วมกัน อันเป็นสิทธิพิเศษที่อาจต้องถูกระงับ หากพวกเขาต้องย้ายไปอยู่ในเรือนจำที่มีความปลอดภัยสูงสุดในแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ และต้องถูกแยกกักขังเดี่ยว 

ในทางกลับกัน การเจรจาครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติให้ยังคงเปิดคุกกวนตานาโมต่อไปเป็นเวลาหลายทศวรรษข้างหน้า ซึ่งนักโทษจะได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยไม่ต้องรับทัณฑ์บน เพราะท้ายที่สุด หากอัยการยินยอมให้จำเลยทั้งหมดอยู่ในคุกกวนตานาโม เรือนจำที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ก็จะยังคงได้เปิดต่อไปอย่างไม่มีกำหนด

อย่างไรก็ดี ข้อตกลงใดๆ ก็ตามยังต้องมีการจัดการที่ละเอียดอ่อน ทั้งทางการเมืองและในแง่ของสมาชิกในครอบครัวหลายพันคนที่ตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งบางคนเป็นแกนนำในการเรียกร้องให้มีห้องมรณะสำหรับประหารชีวิตฆาตกรคนที่พวกเขารัก รวมถึงต้องถูกนำเสนอต่อเพนตากอนเพื่อขออนุมัติเสียก่อน

อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/us-news/2022/mar/15/september-11-khalid-sheikh-mohammed-prosecutors-plea-deal-report

https://www.independent.co.uk/news/world/americas/september-11-attacks-terrorists-plea-b2036272.html

https://themomentum.co/trumps-order-to-keep-guantanamo-open/

Tags: , , , ,