“เคยออกเดินทางโดยที่ตามใจปากไหมคะ”
ตามใจที่ว่าคือซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเองว่าอยากกินอะไร แล้วปล่อยให้อาหารมื้อนั้นๆ ช่วยไกด์เราไปสถานที่ต่างๆ ยิ่งในโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กด้วยแล้ว คำถามที่ว่า “วันนี้กินอะไร” ช่วยทำให้เรามองโคเปนเฮเกนอย่างนอกกรอบ มากกว่าแค่ด้านดีไซน์และนโยบายการขี่จักรยานที่เป็นมิตรกับโลก
แซนวิชเปิดหน้า อาหารดั้งเดิมของเดนมาร์ก
จากหลายครั้งที่ไปโคเปนเฮเกนมา การทานข้าวนอกบ้านทุกมื้อในเมืองที่แพงหูฉี่แบบนี้ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไร ฉันเริ่มตามหาตัวเลือกอื่นๆ ที่ดีต่อใจและกระเป๋าสตางค์อยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่แซนวิชเปิดหน้า หรือ Smørrebrød อาหารดั้งเดิมของเดนมาร์ก ไส้กรอกตาม Pølsevogn หรือ รถขายไส้กรอกที่พบได้ทั่วเมือง (ไส้กรอกสูตรออริจินัลมักโรยหอมเจียว แตงกวาดองและราดซอสมัสตาร์ดแบบไม่กลัวขาดทุน) จนถึงไปตลาดสตรีทฟู้ดพาเพี๊ยะอู๋น (Papiroen) หรือ เกาะกระดาษ ที่ห่างจากท่าเรือ Nyhavn แลนด์มาร์กชื่อดังแค่ 10 นาที
ไส้กรอกแบบนี้พบได้ทั่วเมือง เป็นตัวเลือกที่ราคาถูก
พาเพี๊ยะอู๋นครองใจนักกินทั่วเมือง รวมถึงฉันด้วย คราวนี้พอได้กลับไปโคเปนเฮเกนอีกครั้งก็ตั้งใจสุดฤทธิ์ที่จะพาเพื่อนๆ ไป แต่พบเพียงโซ่เหล็กที่ปิดตายประตูเอาไว้ เกาะสวรรค์ของเหล่าฟู้ดดี้ปิดตัวลงหลังจาก 4 ปีแห่งความสุข ทิ้งให้ฉันและคนท้องถิ่นมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ เรากินแห้วเป็นมื้อเย็น ฉันกลับไปทำการบ้านมาใหม่เป็นการแก้ตัว
พาเพี๊ยะอู๋น อดีตตลาดสตรีทฟู้ดริมน้ำ
ป้ายบอกทางไปเรฟเฟน ตลาดอาหารสตรีทฟู้ดอันใหม่
จากพาเพี๊ยะอู๋นสู่เรฟเฟน
ตลาดสตรีทฟู้ดในโคเปนเฮเกนไม่ได้ปิดหรอกค่ะ แค่เปลี่ยนชื่อและย้ายไปที่ย่านฮิปแห่งใหม่ริมแม่น้ำ ไกลออกไปอีกหน่อยอย่าง Refshaleoen หรือเรียกสั้นๆ ว่าเรฟเฟน (Reffen) และเปิดเป็นตลาดสตรีทฟู้ดชื่อเดียวกันโดยทีมงานชุดเดิมของพาเพี๊ยะอู๋น ฉันนั่งรถบัส สาย 9A ไปลงที่สถานีที่คล้ายเป็นย่านอุตสาหกรรม ตรงหน้าโกดังแห่งหนึ่ง มีป้ายบอกว่าเรฟเฟนไปทางนี้ และเดินลัดเลาะตามตู้คอนเทนเนอร์ไปเรื่อยๆ ก็มาหยุดอยู่ริมน้ำกับเวิ้งใหญ่ๆ มีที่นั่งยาวและกว้างไปสุดลูกหูลูกตา
ระหว่างทางไปเรฟเฟนมีความเป็นย่านอุตสาหกรรม
ที่ใหม่ใหญ่กว่าเดิม
เรฟเฟนย้ายจากพาเพี๊ยะอู๋น มาเพื่อสร้างนิยามใหม่ๆ แต่ยังยึดปรัชญาอาหารที่ดีต่อใจและดีต่อโลก สมกับความเป็นเมืองรักษ์โลกอย่างโคเปนเฮเกนเสียจริงๆ มีร้านอาหารมาเปิดที่ตลาดเรฟเฟนมากกว่า 50 ร้าน ในพื้นที่บริเวณริมน้ำ ส่วนที่นั่งก็มีหลายรูปแบบ แถมมีเวทีไลฟ์มิวสิค ลานสเก็ตบอร์ด ฟลอร์เต้นรำ รวมถึงยังมีสาขาใหม่ของมิคเคลเลอร์ (Mikkeller) ร้านเบียร์เจ้าถิ่นของโคเปนเฮเกน หลังเดินสำรวจสตรีทฟู้ดส์แห่งใหม่แล้ว ต้องบอกว่าเรฟเฟนใหญ่กว่าพาเพี๊ยะอู๋นหลายเท่า โดยหลายร้านที่เคยอยู่ที่พาเพี๊ยะอู๋นก็ย้ายตามมาอยู่ที่นี่ด้วย ถ้ามองจากฝั่งตรงข้าม จะมองเห็นเรฟเฟนเป็นเกาะริมน้ำขนาดใหญ่ มีผู้คนมานั่งกินข้าว ชมพระอาทิตย์ตก เป็นเหมือน Co-living Space ของทุกคน
บรรยากาศของเรฟเฟน ที่เปิดเฉพาะเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน
มากกว่าอาหารคือวัฒนธรรม
ส่วนหนึ่งที่ตลาดอาหารกลางแจ้งมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของคนในประเทศแถบสแกนดิเนเวียมากๆ เพราะนี่คือช่วงเวลาสั้นๆ ของปีที่อากาศดีที่สุด ผู้คนชอบที่จะออกไปใช้เวลาข้างนอกด้วยกัน เกิดเป็นกิจกรรมหรือสถานที่ที่จะเปิดเฉพาะฤดูกาล อย่างเรฟเฟนเองก็เปิดแค่ช่วงพฤษภาคม-กันยายนเท่านั้น นอกจากนี้เรฟเฟนสร้างภายใต้คอนเซปต์ที่มุ่งทำให้โลกเป็นที่ที่ดีกว่าเดิม นำขยะมาตกแต่งอย่างสวยงาม ส่วนร้านค้าก็ต้องต้องยึดตามแนวทางลดภาวะโลกร้อนและลดการสร้างขยะโดยที่ไม่จำเป็น เช่น ต้องประหยัดไฟ ต้องใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ปรุงอาหารโดยใช้ทุกวัตถุดิบให้เหลือเป็นขยะน้อยทีสุด เป็นต้น ร้านใดทำได้ตามเป้าค่าเช่าแผงจะลดลงในปีถัดไป นอกจากนี้อีกนโยบายของเรฟเฟนก็คือ
ลานสเก็ตบอร์ดที่อยู่ตรงกลางของตัวตลาด
“เงินสดคือมายา การชำระผ่านบัตรคือของจริง” แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าใครพกแต่เงินสดมา ต้องเอาเงินไปแลกเป็นบัตรก่อนคล้ายๆ ระบบฟู้ดคอร์ทบ้านเรา
นอกจากร้านค้ากลางแจ้ง เรฟเฟนยังมีอีเวนท์อื่นอีก เช่น โยคะ เต้น หรือนั่งเล่นบิงโก เรฟเฟนดึงเอาความรักษ์โลกกับความคิดสร้างสรรค์มารวมกันได้อร่อยดี
มิคเคลเลอร์สาขาเรฟเฟนที่ใหญ่จนเห็นจากไกลๆ
มิคเคลเลอร์เจ้าใหญ่
ขอสารภาพว่าครั้งแรกที่หาเรฟเฟนเจอก็คือจากรูปในอินสตาแกรมของร้านคราฟ์เบียร์เจ้าใหญ่ของที่นี่อย่างมิคเคลเลอร์ (Mikkeller) ที่สาขาเรฟเฟนมีขนาดใหญ่และไฉไลกว่าเดิม มิคเคลเลอร์ตั้งอยู่หัวมุมสุดของตลาด เด่นมาแต่ไกล สามารถเลือกแท็ปจากหน้าร้านหรือในร้านก็ได้ ตัวเลือกการดื่มของที่นี่มีมากกว่าแค่คราฟ์เบียร์ ยังมีบาร์ต่างๆ ที่มีเครื่องดื่มหลายประเภท แทรกตัวไปทั่ว ฉันชอบเก้าอี้ชายหาดริมน้ำมากที่สุด ทิวทัศน์อาจจะไม่ใช่ทะเล แต่บรรยากาศคือเหมือนอยู่ริมชายหาดเหลือเกิน
เก้าอี้ริมหาดที่จับจองยากมาก
ในวันที่อากาศดีๆ การใช้เวลาข้างนอกด้วยกันคือสิ่งสำคัญของคนที่นี่
อาหารที่เรฟเฟนมีทุกเชื้อชาติ
ร้านอาหาราคาถูกในแบบโคเปนเฮเกน
ส่วนใหญ่ในเรฟเฟน ร้านอาหารจะราคาไม่แพง อยู่ที่ 135 โครนต่อจาน ( 600 บาท) แต่บางร้านอาจจะมีราคาสูงหรือถูกกว่าบ้าง แล้วแต่เมนูอาหารที่เลือก อย่างที่บอกว่าเรฟเฟนเปิดแค่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ปีหน้าร้านอาหารเหล่านี้อาจเปลี่ยนเมนูใหม่หมด ถ้ากลับมาเรฟเฟนอีกครั้ง ก็อาจจะได้ประสบการณ์ตามหาของโปรดอันใหม่แน่ๆ เราเลือกสั่งอาหารจากอาหารนานาชาติ ทั้ง อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เดนิช ไทย ไปจนถึงแอฟริกัน และยังมีตัวเลือกให้ผู้ที่แพ้อาหารต่างๆ อีกด้วย ถ้าไม่อยากเดินวนหา สามารถเลือกประเภทที่จะทานจากแผนที่ หรือเข้า เว็บไซต์หลัก แล้วใส่แฮชแท็กของประเภทอาหารที่จะหาได้เลย ส่วนตัวฉันไม่ได้ใช้เครื่องมือค้นหาอะไรพิเศษ เพราะมายืนอยู่หน้า Pizzaria De Amicis กลิ่นหอมๆ ก็โน้มน้าวให้ตัดสินใจสั่งพิซซ่าทรัฟเฟิลออยส์ทันที
เราสามารถปั่นจักรยานมากินข้าวที่เรฟเฟนได้
มากกว่ารสชาติคือผู้คน
เรฟเฟนไม่จำกัดอายุของนักกิน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และสัตว์เลี้ยงก็มารวมตัวกันที่นี่ได้ อากาศดีๆ อาหารอร่อยๆ กับคอนเซปต์ที่มุ่งจะทำให้โลกดีขึ้นมันอบอวลไปหมด ระหว่างรอพิซซ่าฉันยืนเป็นสักขีพยานการร้องเพลงวันเกิดของพนักงานขายที่ดูน่ารักดีจนเราต้องไปร่วมแจม แต่พอกลับมาจำนวนสมาชิกของเราหายไป 1 คน “อ้าว เพื่อนอีกคนไปไหนล่ะ” สืบได้ว่าระหว่างรออาหาร เพื่อนไปยืนที่ซุ้มเต้นรำ แล้วจึงเข้าไปแจมกับคนท้องถิ่น ที่แม้เพื่อนเราจะเต้นซัลซ่าไม่ได้ เขาก็ช่วยสอนอย่างสนุกสุดเหวี่ยง
Fact Box
- การเดินทางไปเรฟเฟนทำได้ทั้งทางน้ำและทางบก สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่จาก Refshaleon หรือนั่งรถบัส 9A มาลงก็ได้ ในเมืองโคเปนเฮเกนมีจุดให้เช่าจักรยานอยู่ทั่วทุกมุม แค่ปั่นจากตัวเมืองแค่ 10 นาทีก็ถึงเช่นกัน
- ตลาดอาหารเป็นเทรนด์ที่ไม่จางไปง่ายๆ ของโคเปนเฮเกน มีตลาดอาหารอีกมากทั่วทั้งเมือง ในคาแรกเตอร์ที่ต่างกัน อาทิ Tivoli Food Hall ใกล้กับสวนสนุกทิโวลี Torvehallerne ตลาดที่มีทั้งโซนซูเปอร์มาร์เก็ตและโซนร้านอาหาร
- สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การหาของกินราคาย่อมเยาว์แต่คุ้มค่าในโคเปนเฮเกนที่นิยมมาก คือการทานอาหารบุฟเฟต์ ที่ช่วง Lunch Deal ราคาจะถูกจนน่าตกใจ