เคยได้ยินชื่อ The Perks of Being a Wallflower ไหมคะ? ฉันนึกถึงหนังสือ ที่มีการดัดแปลงนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อสัก 7-8 ปีก่อนเรื่องนี้ เพราะตัวละครกับตัวเมืองที่ฉันกำลังไปมีความคล้ายคลึงกัน เพิร์ทในแผนที่ประเทศออสเตรเลีย คือเมืองที่ยืนอยู่เงียบๆ ทางริมสุดของประเทศ เหมือน Wallflower เช่นเดียวกับ ชาร์ลี พระเอกหนุ่มอินโทรเวิร์ธ ที่มีเรื่องราวมาเล่าตามแบบฉบับของคนขี้อาย ฉันอยากรู้จักเพิร์ทมากขึ้นผ่านการเล่าเรื่องของเมือง จากสถานที่สำคัญและไม่ค่อยสำคัญว่ามันเหงาเหมือนกันหรือเปล่า ขออนุญาตเล่นคำกับการทำความรู้จักเพิร์ทให้ดีกว่าเดิมในครั้งนี้ ว่าเป็น The Perth of being a Wallflower  แล้วกันค่ะ

ตรอกซอกซอยของเพิร์ทมีการบูรณะและแทรกมุมศิลป์สวยๆ

เสียงกัปตันประกาศระยะเวลาการเดินทาง จากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิไปสู่สนามบินเพิร์ท คือ 6 ชั่วโมง 20 นาที เพิร์ทไม่ไกลอย่างที่คิด ภายในเวลาแค่นี้ใกล้เคียงกับการนั่งเครื่องไปโตเกียวหรือฮอกไกโด เราคาดว่าจะถึงเพิร์ทตอนเช้าตรู่ประมาณ 7 โมงเช้า (utc +8) เร็วกว่าเวลาที่กรุงเทพฯ แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ตลกดี พอเวลาเปลี่ยน ญี่ปุ่นที่เร็วกว่าเรา 2 ชั่วโมงกลับดูไกลกว่าการข้ามทวีปไปเลย

เพิร์ทเงียบแต่ก็ไม่เหงา แค่ต้องใช้เวลากับแต่ละจุดพื่อทำความรู้จักกัน

เขาว่าเพิร์ทคือดินแดนที่ถูกลืม

เพิร์ท เมืองหลวงรัฐออสเตรเลียตะวันตก (Western Australia: WA) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ถูกลืมในประเทศออสเตรเลีย ด้วยทำเลที่ตั้งห่างจากตัวประเทศ เวลายังน้อยกว่าพี่น้องสองคนอย่างซิดนีย์และเมลเบิร์นไปอีก เพิร์ทอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทะเลและสรรพสิ่งที่สวรรค์บันดาลให้ในด้านภูมิประเทศที่สวยงาม ทุกคนที่มาเยือน ถวิลหาการนั่งเรือไปที่เกาะ Rottness Island ชิวริมชายหาด และการเล่นเซิร์ฟที่ Scarborough ทว่าตัวเมืองเพิร์ทเองกลับเป็นหนึ่งในจุดที่นักเดินทางมองข้าม

ทุกอย่างที่เพิร์ทเริ่มต้นเร็วและปิดเร็วด้วยเช่นกัน ห้างร้านเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้าและทยอยกันกลับบ้านตั้งแต่ 5 โมงเย็น  จำนวนคนที่เดินสวนกับเราในห้างมีน้อยกว่าหนึ่งส่วนสามของจำนวนประชากรที่เดินห้างสรรพสินค้าในประเทศไทย 

เงียบจังเลยพี่” แน่นอนค่ะ มาเพิร์ทครั้งนี้ ฉันโชคดีที่มีเพื่อนร่วมเดินทางเหมือนเป็นไกด์คอยนำเที่ยว เขาบอกฉันว่า “นี่เรียกว่าคนเยอะแล้วนะ”

แม้แต่ไชน่าทาวน์ก็ไม่วุ่นวายเหมือนที่อื่นบนโลก

โบสถ์ St.George 

ลอนดอนมาตั้งอยู่ตรงหน้า 

ไกด์ส่วนตัวพาฉันไปที่ ลอนดอน คอร์ต (London Court) แหล่งช้อปปิ้งที่ให้บรรยากาศเหมือนตรอกไดแอกอน (Diagon Alley) สาขาเพิร์ท สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 เป็นการจำลองเอาลอนดอนมาตั้งไว้ตรงใจกลางเมือง (แม้จะยกมาแค่ตึกเดียวก็ตามเพราะรอบข้างยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นออสเตรเลียอยู่) เมื่อทะลุโค้งประตูเราก็หลงเข้าไปเดินเล่นในตรอกของอังกฤษสมัยเก่า ใส่จริตและเสน่ห์ในการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมต่างๆ เว้นแต่เปลี่ยน British Accent เป็น Australian Accent แทน 

 ลอนดอน คอร์ต กับการจำลองเอาอังกฤษมาไว้กลางเมือง

เราไปถึงในวันธรรมดาช่วงเที่ยง ลอนดอน คอร์ต หนาแน่นด้วยคนท้องถิ่นเพราะถนนเส้นนี้สามารถใช้ลัดออกไปสู่อีกถนนได้ องค์ประกอบเล็กๆ ที่เหมือนตรอกไดแอกอนมากที่สุดอาจเป็นทางเข้า ที่ฉันกลับไม่ทันสังเกตเห็นเพราะมัวแต่ดูของตามร้านรอบๆ

 ตึก State Building ที่มีร้านชิคๆ 

ลองชิม อาหารไทยเมืองเพิร์ท

ลองชิม (Long Chim) ไม่ใช่คำกริยา แต่คือชื่อร้านอาหารไทยของเชฟ David Thompson ที่ได้รับการรีวิวในเชิงบวกด้านรสชาติอย่างถล่มทลาย ข้าวมันไก่คือจานเด็ดของที่นี่ แม้เพิร์ทจะไกลจากหลายๆ เมืองในออสเตรเลีย แต่ความเป็นออสเตรเลียในด้านเสน่ห์ของความหลากหลายทางเชื้อชาติ ยังเห็นชัดผ่านอาหารนานาชาติทั่วเมือง เช่น ร้าน Keisuke Tonkotsu King ราเมงร้านดังที่ต้องต่อคิวกว่า 30 นาที คาเฟ่ Hattendo ที่มีขนมบันชื่อเดียวกับชื่อร้านใต้โรงแรมเมลเบิร์น และ ลองชิม ที่ซ่อนตัวอยู่ชั้นใต้ดินของ State Building ต้อนรับคนไทยด้วยการตกแต่งของร้านที่ดูไทยกว่าบางร้านในบ้านเราเสียอีก แต่เราไม่ได้ฝากท้องไว้ที่นี่หรอกนะคะ เพราะวันนี้ยังไม่พร้อมกับการทานแกงส้มราคาจานละ 30 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เราแวะไปลองชิมอีกสาขาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ใกล้กัน เน้นขายแค่ข้าวมันไก่สูตรดัง แต่อยู่ในบรรยากาศแบบง่ายและไวกว่า

ร้านลองชิม ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดิน 

ร้านลองชิมอีกสาขา ในบรรยากาศแบบสบายๆ 

ร้านกาแฟ Hattendo ชื่อร้านตั้งจากขนมบันแบบญี่ปุ่น 

คิงส์ พาร์คแห่งรัฐออสเตรเลียตะวันตก 

คิงส์ พาร์ค (Kings Park) เดิมชื่อว่า เพิร์ท ปาร์ค ก่อนจะเปลี่ยนชื่อในปี 1901 ทอดตัวยาวกว่า 400.6 เอเคอร์บริเวณทางตะวันตกของตัวเมือง เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย หรืออาจจะใหญ่ที่สุดในโลกด้วยซ้ำ พืชพรรณธรรมชาติกว่า 2,000 ชนิดในสวนน่าจะเติมพลังชีวิต หลังทานอาหารกลางวันได้ไม่น้อย 

 น้ำพุหน้าร้าน H&M 

การมาเที่ยวครั้งแรก เรามักจะเลือกไป Sight Seeing ใช่ไหมคะ คิงส์ พาร์คก็อาจรวบอยู่ในตารางการทำความรู้จักเมืองจากมุมสูงได้ เพราะมีจุดชมวิวให้เห็นเพราะเมืองเพิร์ททั้งเมืองคู่กับสวอน ริเวอร์ ในหลายๆ มุม อาทิ จากทางเข้าที่เห็นอนุสรณ์สงคราม หรือจากการเดินข้ามสะพาน Lotterywest Federation Walkway สูงเสียดยอดไม้ จนทำให้คนที่ไม่กลัวความสูงใจเต้นได้ 

ราเมน Keisuke Tonkotsu King

คิงส์ พาร์ค มีชื่อเต็มว่า สวนคิงส์พาร์ค แอนด์ โบทานิก การ์เดน เป็นสวนพฤกศาสตร์ในการอนุรักษ์และอนุบาลพืชพรรณสงวนประจำถิ่นและต่างถิ่น เช่น เจ้า Gija Jumula ต้นโบแอบ (Adansonia Gregorii) ต้นไม้ยักษ์ อายุ 750 ปี ที่ย้ายถิ่นฐานมาจาก Kimberley Region โบแอบต้นนี้อายุยังน้อย เมื่อเทียบว่าเผ่าพันธ์ของมันเป็นหนึ่งในต้นไม้อายุยืนที่สุดในโลก สามารถอยู่ได้ถึง 2,000 ปี และ ต้นแกรสทรี (Grass Tree)  พืชประเภท Xanthorrhoea พบได้ทั่วไปในออสเตรเลีย บางต้นมีดอกที่ยืดยาวเหมือนคอยีราฟ ลำตัวมีหญ้าทรงแหลมเป็นพุ่มบางต้นคล้ายนกระจอกเทศที่ขนเป็นสีเขียว ต้นแกรสทรีถือเป็นต้นไม้อายุยืนเช่นกัน แต่โตมากสุดแค่ปีละ 15 มิลลิเมตรเท่านั้น คิงส์ พาร์ค แทรกข้อมูลทางพฤกศาสตร์ของพืชเหล่านี้ไว้ตลอดทาง 

คิงส์ พาร์ค

วิวด้านบนจากสวนคิงส์ พาร์คที่มองเห็นใจกลางเมืองเพิร์ท

บ้านหลังน้อยสีฟ้า 

Crawley Edge Boatshed คือโรงเรือผู้โดดเดี่ยวและแลนด์มาร์กที่สร้างขึ้นในสมัย 1935 เปลี่ยนมือเจ้าของและมีการซ่อมแซมไปหลายครั้ง วันก่อนที่เราผ่านบ้านหลังนี้ ฝนตกลงมาหนัก จนเราต้องถอดใจกลับมาทีหลัง บ้านสีฟ้าไม่มีอะไรมากกว่าความเป็นบ้านหลังน้อยสีฟ้า ตั้งตระหง่านอยู่ตัวคนเดียวกลางแม่น้ำสวอน (Swan River) บ้านสีฟ้าเหมือนเป็นตัวแทนของเพิร์ทได้อย่างพิลึก ตระหง่านแยกออกมาจากส่วนอื่นของแผ่นดิน ส่วนที่ทำให้ภาพนี้เหงาน้อยลงคงเป็นจำนวนคนที่มาต่อคิวถ่ายรูปกับประตูบ้าน มีบทความหลายฉบับตีพิมพ์ถึงความนิยมในบ้านสีฟ้าว่าเกิดจากอิทธิพลของการเซลฟีของชาวเอเชียที่มาเยี่ยมเยียน จนตอนนี้แค่การต่อคิวเซลฟีอาจจะเชยเกินไป มีเรือเร็วลำหนึ่งบรรทุกนักท่องเที่ยวเต็มลำ โฉบมาบริเวณข้างบ้าน วนไปรอบๆ ให้ทุกคนถ่ายรูปกันหนำใจ  ไม่เห็นใจคนรอมากว่า 10 นาทีอย่างฉันบ้างเลย

สะพานสูงเสียดยอดไม้ Lotterywest

ดูพระอาทิตย์ตกที่แคลร์มอนต์ 

เราไปอ้อยอิ่ง ณ แคลร์มอนต์ (Claremont) ย่านที่อยู่อาศัยริมน้ำ ที่มองเห็นวิวฝั่งตรงข้ามใต้หมอกควัน เป็นบ้านบนเนินเขาคล้ายกับบ้านแถวเมดิเตอร์เรเนียนเหลือเกิน (ความบังเอิญยิ่งกว่าคือเพิร์ทเองก็มีสภาพอากาศแบบเมดิเตอเรเนียน มีแดดทั้งปี และมีฝนตกในฤดูหนาว) 

ต้นโบแอบยักษ์

ต้นแกรสทรี (Grass Tree) 

 

เพิร์ทอาจเป็นแค่คนขี้อาย มุมต่างๆ ที่เราไป ต้องใช้เวลากับมันสักพัก ถึงจะกล้าเปิดใจเล่าเรื่องของเมืองให้เราฟัง อย่างเย็นวันนั้นที่แคลร์มอนต์ย่านของบ้านชานเมืองหรูๆ มีทำเลทองที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์ต่างๆ ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ริมน้ำ มีสวนน้อยๆ กับม้านั่งริมชายหาด เราสองคน (ฉันกับไกด์สาวส่วนตัว) นั่งคุยกันเรื่องความฝัน และบ้านที่เราอยากมี อ้างอิงจากบ้านละแวกนี้ บทสนทนาฟุ้งๆ ของเรา เหมือนอยากอ้อยอิ่งให้วันนี้ยังไม่จบลง ไม่รู้ว่าเพิร์ทหรือเราที่ขี้เหงากันแน่

บ้านสีฟ้า ที่มาของ #blueboathouse

แคลร์มอนต์ ริมชายหาดที่ฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ 

ในวันสุดท้ายของการเดินทาง หน้าจอรถยนตร์บอกเวลา 00.00 รอบข้างเงียบสนิท ท้องถนนมีแต่เรา ตึกสูงที่เราขับผ่านตอนกลางวันตั้งไว้เป็นแค่แบ็กกราวด์ ในภาพยนตร์ เรื่อง The Perks of Being The Wallflower ตอนนี้คงเป็นฉากที่ตัวเอกเปิดหลังคารถขึ้นไปยืน ระหว่างฟังเพลง Hero ของ เดวิด โบวี่ เสียงดังๆ   แต่หลังคารถของเรายึดกับตัวรถแน่นสนิท ไม่สามารถเปิดได้ ไม่ว่าฉันจะเปรียบเทียบความเงียบของเพิร์ทไว้กับภาพยนตร์เรื่องไหน รถคันเดียวบนถนนในเมืองที่เงียบจนเหมือนร้างแบบนี้ ภาพ Will Smith ในเรื่อง I am Legend กลับลอยขึ้นมาแทนเลยค่ะ 

Tags: ,