ถ้าในหนึ่งปีมี 4 ฤดูกาล นี่คงเป็นการเข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 อย่างเป็นทางการ (โดยไม่ต้องมีประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา) ของร้านอาหารเชฟเทเบิ้ลที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งในย่านอารีย์ 

Quarter.Conceptual Dining คือโปรเจ็กต์กึ่งทดลองกึ่งจริงจังของคู่เพื่อนซี้เชฟสาวสายครีเอทีฟทั้งสองคนอย่าง คุณโบว์-ดวงใหม่ วงศ์ทรายทอง และ คุณอ้อ-กมลพร ใจสาหัส ที่ถ้าจะเรียกว่าเป็นเชฟขี้เบื่อก็น่าจะได้ เพราะทั้งสองไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ เลยเปลี่ยนเซ็ตคอร์สเมนูของร้านตัวเองไปทุก ๆ ควอเตอร์มันซะเลย

หลังจาก ‘Nice To Meat You’ ในควอเตอร์แรกที่เหมือนเป็นประโยคทักทายให้ลูกค้าหน้าใหม่ได้เปิดใจเข้ามาทำความรู้จักกับร้านนี้ผ่านเมนูสายเนื้อทั้งหลาย ต่อด้วย ‘Summer Story’ ในควอเตอร์ที่สอง ซึ่งเปิดขายในจังหวะพอดีกับช่วงหน้าร้อนของเมืองไทยเป๊ะ ๆ ตอนนี้ก็ล่วงเลยมาจนถึงควอเตอร์ที่สามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเชฟทั้งสองคนก็ยังไม่หยุดรังสรรค์เมนูแปลกใหม่ออกมาสร้างความประหลาดใจให้เราได้เสมอ กับ ‘The Journey To The Rainbow’ บันทึกการเดินทางของอาหาร เครื่องดื่ม และวัตถุดิบหลากหลายสัญชาติ ผ่านเฉดสีทั้ง 7 ของสายรุ้ง ในสนนราคาคอร์สละ 2490+ บาท 

‘สีม่วง’ คือเฉดสีแรกของบทคัดลายมือ ‘ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง’ ที่คุณครูชอบให้ท่องตั้งแต่สมัยประถม และเป็นเฉดสีแรกเช่นกัน ที่เชฟทั้งสองเลือกมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่มเวลคัมดริ้งก์ สีม่วงที่เห็นได้มาจากน้ำองุ่นเคียวโฮ แครอทม่วง และท็อปด้วยโซดาเบาๆ เพื่อความรีเฟรช

เวลคัมดริ้งก์ สีม่วงจากน้ำองุ่นเคียวโฮ แครอทม่วง และท็อปด้วยโซดาเบาๆ

ต่อด้วย ‘สีคราม’ ในคอร์สที่สอง ซึ่งยอมรับเลยว่าตอนแรกเราไม่คิดว่าสีน้ำเงินจะเป็นสีที่น่ากินแต่อย่างใดในมื้ออาหารเย็น แต่ด้วยความสวยของผงสาหร่ายสไปรูลิน่าจากออสเตรเลีย ซึ่งใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แยกเฉพาะสีน้ำเงินอมครามออกมาเท่านั้น ก่อนจะนำไปคลุกบนแป้งบันเนื้อชูส์ สอดไส้ด้วยหมูตุ๋นฉีกเป็นเส้น ราดซอสหัวหอมบาร์บีคิวผัดบลูเบอร์รี่ และท็อปด้วยฟัวร์กราส์อีกหนึ่งชิ้น 

ผงสาหร่ายสไปรูลิน่าคลุกบนแป้งบันเนื้อชูส์ สอดไส้ด้วยหมูตุ๋นฉีกเป็นเส้น ราดซอสหัวหอมบาร์บีคิวผัดบลูเบอร์รี่ และท็อปด้วยฟัวร์กราส์อีกหนึ่งชิ้น 

จานที่สามคือหอยเซลล์ฮอกไกโดสด ๆ ที่คลุกเคล้าน้ำมันมะกอกและเกลือพอเป็นพิธี โปะลงมาบนส้มโอไทย แล้วเพิ่มสีสันของ ‘สีน้ำเงิน’ ให้สมกับเป็นจานที่สามด้วยโฟมอัญชันน้ำมันงา ที่แปลกและชอบมาก ๆ คือสิ่งที่ท็อปปิ้งมา อย่างรากไม้นากาอิโนะทอดกรอบ เจลมะนาว และผงพริกกับงาคั่ว รวม ๆ แล้วเหมือนกินยำส้มโอแต่มีความละมุนด้วยเนื้อเด้งดึ๋งของหอยเชลล์

หอยเซลล์ฮอกไกโดคลุกเคล้าน้ำมันมะกอกและเกลือพอเป็นพิธี โปะลงมาบนส้มโอไทย

ไมโครเฮิร์บสีเขียวต่าง ๆ ที่โรยอยู่รอบจานเป็นตัวแทนของแถบสีชั้นกลางบนเส้นสายรุ้ง ส่วนหัวใจหลักของคอร์สนี้คงอยู่ที่คร็อกเก้ผักโขมเบคอนที่ถูกรองไว้ด้วยอะโวคาโด้อัลยอลี ซึ่งเชฟปรุงเพิ่มด้วยรสเผ็ดจากพริกฮาลาพิโน่ และเพิ่มกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยน้ำมันทรัฟเฟิล และเห็ดทรัฟเฟิลดำที่โรยมาด้านบน

คร็อกเก้ผักโขมเบคอนที่ถูกรองไว้ด้วยอะโวคาโด้อัลยอลี

ต่อกันที่เมนู ‘สีเหลือง’ สดใสชวนให้นึกถึงวันแดดดี เบสหลักเป็นซุปข้าวโพดหญ้าฝรั่นติดรสเค็มปะแล่มๆ กินร้อนๆ คู่กับขนมปังแท่งรสฟักทองหอมกลิ่นเครื่องเทศ ทุเรียนทอด และหนังไก่อบกรอบ คือเป็นอะไรที่ละมุนลิ้นและดีต่อใจเอามาก ๆ 

ซุปข้าวโพดหญ้าฝรั่นกินคู่กับขนมปังแท่งรสฟักทองหอมกลิ่นเครื่องเทศ ทุเรียนทอด และหนังไก่อบกรอบ

ปลามิคังมาได แซลมอนจากนอร์เวย์ และไข่ปลาแซลมอนไซซ์ยักษ์ ถูกเสิร์ฟมาบนแผ่นแป้งซูชิที่ทำมาจากข้าวญี่ปุ่น

จังหวะนี้ถ้าใครเห็นว่าผ่านไป 5 คอร์สแล้วแต่ยังไม่รู้สึกอิ่ม จุดนี้ต้องเตรียมตัวรับความจัดเต็มในคอร์ส ‘สีส้ม’ เอาไว้ให้ดี ๆ เพราะเป็นคอร์สที่มาทีเดียว 3 เสิร์ฟ เซ็ตแรกเป็นวัตถุดิบแห่งท้องทะเลที่การันตีความสด ประกอบด้วยปลามิคังมาไดที่ถูกเลี้ยงด้วยส้มเพื่อกลิ่นหอมหวานติดไซตรัสนิดๆ ในเนื้อปลา แซลมอนจากนอร์เวย์ และไข่ปลาแซลมอนไซซ์ยักษ์ ทั้งหมดนี้ถูกเสิร์ฟมาบนแผ่นแป้งซูชิที่ทำมาจากข้าวญี่ปุ่น เซ็ตที่สองเป็นมันหวานบดพร้อมซอสส้มแมนดารินกับโชยุ โปะข้างบนด้วยเนื้อปลามิคังมาไดชิ้นใหญ่ กริลล์บนกระทะจนหนังกรอบ ปิดท้ายด้วยโรตีแกงเผ็ดเป็ดย่างที่นำมาทวิสต์ใหม่ เสิร์ฟพร้อมแครอทดองสีส้มสด

มันหวานบดพร้อมซอสส้มแมนดารินกับโชยุ โปะข้างบนด้วยเนื้อปลามิคังมาได

โรตีแกงเผ็ดเป็ดย่างที่นำมาทวิสต์ใหม่ เสิร์ฟพร้อมแครอทดองสีส้มสด

คอร์สสุดท้ายถูกแทนที่ ‘สีแดง’ บนสายรุ้งด้วยผลไม้สีแดงอย่างทับทิม แตงโม และแยมสตรอเบอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมโกจิเบอร์รี่และเมอแรงกระเจี๊ยบ

 

ผลไม้สีแดงอย่างทับทิม แตงโม และแยมสตรอเบอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมโกจิเบอร์รี่และเมอแรงกระเจี๊ยบ

นอกจากคอร์สเชฟเทเบิ้ลในควอเตอร์ล่าสุดที่มาพร้อมสีรุ้งสดใสซาบซ่าส่งท้ายหน้าฝนแล้ว ใครเป็นสาย A La Carte ก็สามารถจับจองที่นั่งมาลิ้มลองอาหารจานเดียวของร้านนี้ได้เหมือนกัน โดยตอนนี้ทางร้านมีเมนูใหม่เป็น Capellini with Yellow Chili Crab (ราคา 890 บาท) ที่รสชาติจัดจ้านตามประสาคนไทย เส้นคาเปลลินีต้มมาแบบอัลเดนเต้ (Al Dente) มีความกรึบๆ เล็กๆ ส่วนกรรเชียงปูม้าก็ชิ้นใหญ่จัดหนักแบบไม่ต้องสืบ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับวันดี ๆ แบบอิ่มจุกในย่านอารีย์ โดยเฉพาะใครที่ชอบทานอาหารแบบไพรเวทน่าจะถูกจริตกับร้านนี้มากเป็นพิเศษ

Fact Box

  • Quarter Conceptual Dining ซ.พหลโยธิน 2 เปิดบริการ พุธ-จันทร์ 17:00-22:00 น. (ปิดวันอังคาร/ จองล่วงหน้าเท่านั้น) โทร. 099-389-8080 หรือคลิก fb.com/Quarte.conceptualdining
Tags: