แม้จะผ่านเวลามานานกว่า 9 ปี แต่ Limobus ยังคงเป็น ‘เบอร์ 1’ ของรถโดยสารสาธารณะ เป็นบริการแสนพรีเมียมที่เกิดจากความตั้งใจของผู้บริหารที่ต้องการสร้าง ‘รถขนส่งสาธารณะ’ ที่มีคุณภาพ สามารถเชื่อมโยงระบบขนส่งในกรุงเทพฯ ทั้งรถไฟฟ้า-รถไฟใต้ดิน

นัฏฐ์ณิชย์ โชติสรยุทธ์ กรรมการบริหารบริษัท Limobus คือผู้ที่พยายามยกระดับรถสาธารณะอย่าง Limobus ให้เป็นช่องทางขนส่งมวลชนใหม่ พาคนเดินทางจากสนามบินเข้ามาในเมือง โดยเฉพาะใจกลางย่านท่องเที่ยวอย่าง ‘ถนนข้าวสาร’ ทั้งในรูปแบบ One Trip และ Transit Tours  

นัฏฐ์ณิชย์บอกว่า ความตั้งใจสำคัญของการทำ Limobus คืออยากสร้าง ‘บริการสาธารณะ’ ที่ดี ที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศ เพราะผู้โดยสารจากทั่วโลก เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิย่อมอยากได้บริการที่สะดวกรวดเร็วในราคาสมเหตุสมผล

“จุดเด่นที่สุดของเราคือเรื่องการบริการ รับประกันได้ว่าหากใช้บริการของเราจะได้บริการที่ดีที่สุด ที่แตกต่าง” 

ด้วยเหตุนี้ บริการของ Limobus จึงต่างจากระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ โดยสิ้นเชิง เพราะแม้วันนี้ ‘ด้านลบ’ ของสนามบินสุวรรณภูมิจะเต็มไปด้วยแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ รถโดยสารผ่านแพลตฟอร์มที่หลายครั้งโขกราคาผู้โดยสารเกินจริง แต่ราคาของ Limobus ยังอยู่ที่ 180 บาท สม่ำเสมอ

แม้จะไม่ได้มีป้ายบอกทางชัดเจนจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่เมื่อลงมายังชั้น 1 Limobus มีบริการเลานจ์ติดแอร์ บริการชา กาแฟ น้ำเปล่าทันทีที่ผู้โดยสารเดินออกจากประตูสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกัน ยังมีรถบัสออกเดินทางสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอนานเหมือนรถสาธารณะอื่นๆ 

กระนั้นเอง เมื่อพบกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 สถานการณ์หลายอย่างก็เปลี่ยนไป Limobus เผชิญกับช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยว 0 คน แต่หลังพ้นวิกฤตก็ยังมุ่งมั่นเดินหน้าต่อ และกลับมาให้บริการอย่างเต็มภาคภูมิ

“Limobus โชคดีที่มีผู้โดยสารเก่ากลับมา แล้วบอกต่อกัน สิ่งหนึ่งที่เราทำมาโดยตลอดคือทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา – ผู้โดยสารเองก็เชื่อใจกัน ขณะเดียวกัน เรายังร่วมมือกับเอเยนต์ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในฮ่องกง จีน เกาหลีใต้ อีกทั้งยังร่วมือกับการบินไทย และ ANA”

ขณะเดียวกัน หากเป็นชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทย เมื่อเปิดแอพพลิเคชัน Google Maps Limobus ก็เป็นทางเลือกลำดับต้นๆ ในการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเข้าไปยังเขตเมืองเก่า

ปัจจุบัน Limobus มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้นวันละ 100-200 คน ทั้ง 2 สนามบิน และจากนี้จะเปลี่ยนรถบัสไปเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2566 เพื่อรองรับนโยบายของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่มุ่งให้สนามบินทั่วประเทศเป็นสนามบินสีเขียว และเป็นสนามบินที่ปล่อยคาร์บอนเป็น 0

ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป Limobus ได้เตรียมถุงผ้าไว้แจกให้กับผู้โดยสารของ Limobus ทุกคน ในโอกาสที่ยังรักกัน และขอบคุณที่ ‘ไม่ทิ้งกัน’ 

Tags: , , , ,