โจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ประกาศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2032 หลังเอเชียนเกมส์ผ่านไปด้วยดี หวังคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า

          หลังจากการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 18 ผ่านไปอย่างราบรื่น ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ก็ประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.ย. 61 ทันทีว่าอินโดนีเซียจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2032 คำประกาศนี้สร้างความรู้สึกชาตินิยมเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนักวิเคราะห์คิดว่าส่งผลดีต่อการเลือกตั้งสำหรับวิโดโดในเดือนเมษายนปีนี้

          ผลการแข่งขัน อินโดนีเซียครองอันดับที่ 4 ในตาราง ด้วย 30 เหรียญทอง ซึ่งไม่มีเหรียญจากว่ายน้ำหรือกรีฑาเลย แต่อินโดนีเซียซึ่งได้เหรียญทอง 7 เหรียญจากการแข่งขันโอลิมปิกครั้งล่าสุด มีเป้าหมายว่าจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของโอลิมปิกให้ได้

          “จากประสบการณ์การเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 18 ผมเชื่อว่าอินโดนีเซียจะสามารถเป็นเจ้าภาพงานที่ใหญ่กว่าได้” วิโดโดกล่าว

          วิโดโดเล่นตลกกับปัญหาการจราจรซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากของกรุงจาการ์ตา ภาพที่เขาขี่มอเตอร์ไซค์มาเปิดงานต่อหน้าผู้ชมราว 40,000 คนและถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ โดยเริ่มจากวิดีโอที่ฉายภาพวิโดโดติดอยู่ในรถก่อนเข้ามาสู่สนามกีฬาถูกเปรียบเทียบกับพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ลอนดอน ตอนที่ควีนอลิซาเบธและเจมส์ บอนด์ ปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือสนามกีฬา รวมทั้งการโยกตัวตามเพลงบนเวที

          พิธีเปิดที่ตระการตาและการขี่มอเตอร์ไซค์เข้าสนามของวิโดโดที่มีการแชร์มากมายในอินเทอร์เน็ต สร้างภาพเป็นคน ‘คูล’ ในสายตาของคนหนุ่มสาวที่คิดเป็น 35-40% ของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง

          การแข่งขันคราวนี้ยังเน้นไปที่ความแตกต่างทางชาติพันธุ์และศาสนาในอินโดนีเซีย “คนอินโดนีเซียเห็นว่านักกีฬาต่อสู้เพื่อชัยชนะ เพื่อเหรียญทอง และผู้ชนะไม่ใช่แค่มุสลิม และยังมีคนจีน คริสต์ ฮินดู และพุทธด้วย มันจะช่วยลดการแบ่งแยกที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2014”  เซียมสุดดิน ฮะริส (Syamsuddin Haris) นักวิเคราะห์จากสถาบัน Indonesian Institute of Sciences กล่าว

          ส่วน พลโทปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) คู่แข่งคนสำคัญในการเลือกตั้งครั้งก่อน แม้จะได้ออกโทรทัศน์หลายครั้งระหว่างการแข่งขัน เพราะเป็นประธานสมาคมปันจักสีลัตที่ต้องออกไปมอบเหรียญทองทุกครั้ง กลับไม่ได้รับความสนใจจากคนหนุ่มสาว

          แผนการประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ให้กับวิโดโดเพิ่งมีขึ้นไม่ถึงหนึ่งเดือน หลังจากที่วิโดโดเลือกผู้ลงชิงสมัครรองประธานาธิบดีคู่กับเขาเป็นนักการเมืองอนุรักษนิยม มารุฟ อามิน วัย 75 ปี ประธานองค์กรนักการศาสนาขนาดใหญ่และมีอิทธิพลที่สุดของอินโดนีเซีย เพื่อพยายามลบคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาไม่เป็นมุสลิมมากพอ

          ตลอดเวลา 5 ปีที่ดำรงตำแหน่ง เขาต้องพยายามสร้างความสมดุลระหว่างกลุ่มมุสลิมสายกลาง (moderate)  กลุ่มมุสลิมที่อนุรักษนิยม พันธมิตรที่ซับซ้อนในรัฐสภา และทหารซึ่งไม่ยอมยุติบทบาทอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่สิ้นสุดยุคซูฮาร์โต

 

 

ที่มาภาพ: REUTERS/Beawiharta

ที่มา:

Tags: , , ,