วันนี้ (14 มีนาคม 2562) คณะผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัยชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ และพรรคพลังประชารัฐมีสิทธิ์เสนอชื่อประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ตามกฎหมาย
จากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบกรณีพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยในคำร้องระบุว่า การเสนอชื่อดังกล่าว มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 88 และ 89 และมาตรา 160 ประกอบมาตรา 98(15) คือ ตำแหน่ง หัวหน้า คสช. ซึ่งได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนตามกฎหมาย จะถือว่าเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ”
ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุติการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และจะไม่ส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครองวินิจฉัยกรณีดังกล่าวเช่นกัน โดยคณะผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ โดยยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ 5/2543 และอ้างว่าหัวหน้า คสช. เป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นความจำเป็นในช่วงเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในประเทศไปสู่สถานการณ์ปกติ
ผู้ตรวจการแผ่นดินยังให้ความเห็นว่าประยุทธ์ไม่ได้เข้าข่ายครบ 4 ประการ ของการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐอย่างครบถ้วน โดยตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ระบุว่า 1.ได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งตามกฎหมาย 2.มีอำนาจหน้าที่ ดำเนินการหรือหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติงานประจำ 3.อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของรัฐ 4.มีเงินเดือนค่าจ้างหรือค่าตอบแทนตามกฎหมาย ดังนั้นแล้ว พรรคพลังประชารัฐจึงสามารถเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคได้
ขณะที่เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีที่สำนักข่าวอิศราเปิดเผยแผนผังโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งปรากฏชื่อผู้บริจาคคล้ายหน่วยงานรัฐ ได้แก่ คลัง, ททท. และ กทม. ทั้งหมดเป็นจำนวน 33 โต๊ะ คิดเป็นเงิน 99 ล้านบาทว่า จากการตรวจสอบผู้บริจาค มีนิติบุคคล 40 แห่ง และบุคคล 84 คน ไม่พบบุคคลต่างชาติร่วมบริจาคเงิน ถือว่าไม่มีความผิด และไม่เข้าข่ายถูกยุบพรรค
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีข้างต้นว่า “ไม่ทราบว่าเลขาธิการ กกต.นำคำร้องมาจากผู้ใด เพราะสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยไม่เคยร้องว่าเงินที่พรรคพลังประชารัฐจัดระดมทุนโต๊ะจีนมีบุคคลต่างชาติบริจาคหรือไม่ แต่คำร้องที่ให้ตรวจสอบคือ 1.มีข้าราชการและหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคทั้งทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ 2.เงินที่นิติบุคคลบางแห่งบริจาคเป็นบริษัทที่ขาดทุนมาตลอด เหตุใดจึงมีศักยภาพบริจาคได้ 3.มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมซื้อโต๊ะหรือบริจาคตามที่มีชื่อปรากฏในแผนผังการจัดโต๊ะจีนหรือไม่”
อ้างอิง:
http://news.thaipbs.or.th/content/278401
https://www.voicetv.co.th/read/CQyMcUF5M
https://www.thairath.co.th/content/1517865
https://www.isranews.org/isranews-scoop/72189-isranews-72189.html
ภาพจาก REUTERS/Athit Perawongmetha
Tags: ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พรรคพลังประชารัฐ