จากโครงการเสียงประชาชนในครั้งแรกที่ให้ประชาชนโหวตลงมติไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 11 คนคู่ขนานกับสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีกติกาคือ โทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องโหวตได้หนึ่งครั้งนั้น มีผู้เข้าร่วมโหวตถึง 524,806 หมายเลข ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลทางกฎหมาย แต่เป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินการลักษณะนี้ที่ประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงประชาชนทึ่อยู่ต่างประเทศสามารถโหวตได้โดยใช้คิวอาร์โค้ด และทำให้ “เสียงประชาชน” ที่เป็นเจ้าของประเทศดังขึ้น และมีความหมายมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการชุมนุมแต่เพียงอย่างเดียว ทั้งยังเป็นวิธีการที่สะดวก และแทบไม่มีค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระแก่ประชาชนแต่อย่างใด
เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน จึงได้ดำเนินการโหวต “เสียงประชาชน” เป็นครั้งที่สอง โดยในครั้งนี้นอกจากนักวิชาการจาก 4 มหาวิทยาลัยเดิมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็เพิ่มมหาวิทยาลัยจากภูมิภาคทั้ง 4 รวมเป็นทั้งหมด 8 มหาวิทยาลัยคือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
โดยสื่อมวลชนที่เข้าร่วมจากเดิมคือ โทรทัศน์ดิจิทัล 4 ช่อง ได้แก่ เนชั่น ไทยรัฐทีวี ข่าวเวิร์คพอยท์ และพีพีทีวี ในครั้งที่สองนี้ก็ได้มีสื่อโซเชียลมีเดียร่วมด้วยอีก 4 แห่งคือ The Standard, the Matter, the Momentum และ the Reporters รวมเป็นสื่อทั้งหมด 8 แห่ง โดยจะมีการดำเนินการดังต่อไปนี้
1.คำถามที่จะถาม “เสียงประชาชน”’: คำถามที่จะให้ประชาชนโหวตจะเป็นเรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี โดยจะไม่ถามข้อกฎหมาย เนื่องจากการวินิจฉัยเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะถามความเห็นประชาชนว่า นายกรัฐมนตรีควรดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีหรือไม่ โดยตัวคำถามที่จะให้ประชาชนโหวตคือ: “การวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หรือไม่ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในฐานะประชาชน ท่านเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีหรือไม่?”
2.วิธีการโหวต : คำตอบให้ประชาชนเลือกมีสองคำตอบคือ “ควร” และ “ไม่ควร” โดยการโหวตจะดำเนินการโดยสื่อโทรทัศน์ดิจิทัลและสื่อโซเชียลมีเดียที่ร่วมโครงการจะนำคิวอาร์โค้ดขึ้นหน้าจอและหน้าเพจให้ประชาชนสแกนเพื่อโหวตทางโทรศัพท์มือถือ
3.วันเวลาโหวต : วันที่ 20-21 สิงหาคม 2565 โดยเปิดให้โหวตเวลา 06.00 น. ของวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม และปิดโหวตเวลา 24.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2565 โดยจะประกาศผลในวันถัดมาคือ วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565
4.กติกาในการโหวต : โทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง หรือหมายเลขไอพีหนึ่งหมายเลข จะโหวตได้เพียงหนึ่งครั้งเช่นเดียวกับในครั้งแรก ทั้งนี้ แม้อาจจะมีปัญหาว่า มีคนที่มีโทรศัพท์มือถือมากกว่าหนึ่งเครื่องทำให้จะมีคนที่โหวตได้มากกว่าหนึ่งครั้งก็ตาม แต่ในเรื่องนี้นั้นทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ทุกคนและทุกฝ่ายมีโอกาสเสมอกันในการโหวต หรือชวนคนมาโหวต หรือแม้กระทั่งจะใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่าหนึ่งเครื่องในการโหวต ทุกฝ่ายก็มีโอกาสอย่างเสมอกันเช่นกัน
โครงการ “เสียงประชาชน” ที่ดำเนินการในครั้งนี้ เครือข่ายนักวิชาการ 8 มหาวิทยาลัย และสื่อทั้ง 8 ที่ร่วมโครงการ มิได้มีความมุ่งหมายที่จะดำเนินการในทางที่จะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่นายกรัฐมนตรี หรือต่อผู้ใด หากประสงค์ที่จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ได้แสดงออกซึ่ง “เสียงประชาชน” ซึ่งมิได้มีผลทางกฎหมาย แต่คือ “เสียงประชาชน” ที่ทุกฝ่ายควรจะได้รับฟัง เพื่อให้ “เสียงประชาชน” ได้ดังยิ่งขึ้นในวาระอื่นๆ และเรื่องสาธารณะอื่นๆ และนำไปสู่การมี “ประชาธิปไตยโดยตรง” มากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป
Tags: ประยุทธ์, นายกรัฐมนตรี, เสียงประชาชน