วันนี้ (21 พฤศจิกายน) เวลา 09.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เฝ้ารับเสด็จ ในการนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประทาน แก่คณะรัฐมนตรีและคณะทูตานุทูต ซึ่งมีใจความสำคัญหลายประการ ทั้งเรื่องการเลือกตั้งและวิกฤติผู้อพยพ
“ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศได้ผ่านการเลือกตั้ง อันเป็นก้าวสำคัญในการกลับมาสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย” นอกจากนี้ยังทรงเรียกร้องความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะทำให้เกิดความยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยทรงกล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกในปัจจุบันนี้ สร้างผลกระทบต่อทุกส่วนของโลก ต่อครอบครัวและมนุษยชาติ
สมเด็จพระสันตะปาปายังได้ตรัสถึงปัญหาเรื่องการอพยพย้ายถิ่นว่า “สถานการณ์อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอพยพย้ายถิ่น ซึ่งเป็นปัญหาทางด้านจริยธรรมที่สำคัญยิ่งในยุคสมัยของเรา ข้าพเจ้าขอวิงวอนให้ประชาคมระหว่างประเทศ ดำเนินการด้วยความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาที่ผลักดันให้ประชาชนต้องหลบหนีออกจากประเทศของตน และส่งเสริมให้มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย มีการจัดการ และมีการควบคุม” พระองค์ยังทรงกล่าวชื่นชมประเทศไทยว่าประเทศที่มีชื่อเสียงว่าเป็นประเทศที่ต้อนรับผู้อพยพ โดยเฉพาะบรรดาผู้ต้องหลบหนีจากวิกฤตการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน และทรงชักชวนให้ประเทศต่างๆ จัดตั้งระบบที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของบรรดาผู้ย้ายถิ่นและผู้อพยพ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก
จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เสด็จถึง และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตามกำหนดการเยือนประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบ 350 ปีมิสซังสยาม และ 50 ปี แห่งสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและนครรัฐวาติกัน
โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ว่า “ข้าพเจ้าจะได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อแสดงถึงความสำคัญและความเร่งด่วนในการสร้างมิตรภาพและการเสวนาระหว่างศาสนา อันจะนำมาซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของสังคม เสริมสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรม รู้จักรับฟัง และไม่มีการแบ่งแยก” พระองค์ยังตรัสถึงประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่ให้ความสำคัญในการสร้างความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ผู้คนมีความเคารพและยกย่องต่อวัฒนธรรม ศาสนา และความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมถึงความแตกต่างทางศาสนา อีกด้วย
ภาพประวัติศาสตร์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จเยือนประเทศไทย และเป็นอีกครั้งที่สมเด็จพระสันตะปาปาได้เสด็จมายังวัดราชบพิธฯ เพราะเมื่อครั้งสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยือนประเทศไทยเมื่อปี 2527 ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ (วาสนมหาเถร) ที่วัดราชบพิธฯ ซึ่งขณะนั้นพระองค์ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เช่นกัน
ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ยังมีกำหนดการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในเวลา 17.00 น. ก่อนจะเสด็จไปประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ หรือพิธีมิสซา ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ในเวลา 18.00 น. ที่คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนชาวคริสต์คาทอลิกในประเทศไทยรวมถึงประเทศใกล้เคียงเดินทางมาร่วมพิธีการร่วมหมื่นคน
อ้างอิง
https://www.thairath.co.th/news/local/1706393
https://www.bbc.com/thai/thailand-50499180
Tags: สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส, โป๊ปฟรานซิส, สมเด็จพระสังฆราช