นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Royal Botanic Garden สวนพฤกษศาสตร์ KEW ที่ลอนดอน และมหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์ม ค้นพบว่าพืช 571 สายพันธุ์ได้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้วในช่วงเวลา 250 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนสายพันธุ์ของพืชที่สูญพันธุ์ไปนั้นสูงกว่าจำนวนของนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่สูญพันธุ์ไปแล้วรวมกันถึง 217 สายพันธุ์ และจำนวนของการสูญพันธุ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นตัวเลขจริงไม่ใช่การประมาณการ โดยมาจากการวิเคราะห์การสูญพันธุ์พืชที่บันทึกไว้ทั้งหมดในโลก

การศึกษาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้เรามีภาพรวมว่าพืชสายพันธุ์ใดได้สูญพันธุ์ไปแล้ว จากที่ไหนและเกิดขึ้นเร็วเพียงใดดร. แอลิส ฮัมป์ฟรีส์ หนึ่งในทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์มกล่าว

ข้อมูลจาการศึกษาวิจัยนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการสูญพันธุ์ของพืชกำลังเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 500 เท่าจากสถานการณ์ปกติถ้ามนุษย์ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งพืชพันธุ์เหล่านั้น และนักวิจัยเชื่อว่าตัวเลขที่ปรากฏนี้น่าจะต่ำกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเสียด้วยซ้ำไป

สายพันธุ์พืชที่สูญพันธุ์ไปแล้วมีตั้งแต่ ไม้จันทน์ชิลี ซึ่งมีคุณประโยชน์จากการสะกัดเอาน้ำมันหอมระเหย, ดอกแบนเด็ดทรินิตี้หรือทิสเมีย อเมริกาน่าซึ่งค้นพบในชิคาโกในปี 1912 เป็นพืชต้นเล็กๆ มีดอกสีขาวซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน และยังมีต้นมะกอกเซนต์เฮเลนาดอกสีชมพู ซึ่งเกิดอยู่ในหมู่เกาะทริสตัน ดา กุนยา ทางแถบมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ และถูกค้นพบสายพันธุ์เมื่อปี 1977

อย่างไรก็ตามในบางครั้งก็จะมีการค้นพบพืชสายพันธ์ุที่ได้สูญพันธ์ุไปแล้วใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดังเช่น ดอกชิเลียนโครคัสสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นดอกไม้ที่เติบโตในที่สูงเทือกเขาที่แห้งและเต็มไปด้วยหินในประเทศชิลี อย่างเทือกเขาแอนดีส โดยคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วและกลับมาค้นพบอีกครั้งในปี 2001 ส่วนมากพืชพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปนั้นมักจะอยู่บนเกาะในเขตร้อนซึ่งเป็นที่ตั้งของต้นไม้ที่มีมูลค่าสูงและอุดมไปด้วยความหลากหลายของพืช

การสูญพันธุ์ของพืชสามารถนำไปสู่การสูญพันธุ์ทั้งหมดในสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่พึ่งพาพวกมัน เช่น แมลงที่ใช้พืชเป็นอาหารและวางไข่ สัตว์หลายล้านสายพันธุ์พึ่งพาพืชเพื่อความอยู่รอด มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อรู้ว่าพืชสายพันธุ์ใดที่กำลังจะสูญพันธุ์และจากที่ใด การศึกษานี้ก็จะช่วยในการป้อนข้อมูลเหล่านั้นกลับเข้าไปในโครงการอนุรักษ์ เพื่อรักษาระบบนิเวศน์อื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาพืชพันธุ์ที่สูญพันธ์ุเหล่านั้น เพื่อที่จะได้เกิดการอนุรักษ์ต่อไป จะได้ไม่ต้องสูญพันธุ์อีก

นอกจากนี้ จากรายงานของ UN เมื่อต้นปีที่ผ่านมายังพบว่ามนุษย์เป็นตัวการทำให้สายพันธุ์สิ่งมีชีวิตอีกกว่าล้านสายพันธุ์กำลังจะสูญพันธุ์ในไม่ช้า ประชากรโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านับตั้งแต่ปี 1970 เศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้นสี่เท่าในขณะที่การค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 10 เท่า

ซึ่งผลพวงจากการต้องสร้างอาหาร เสื้อผ้าและสร้างพลังงานแก่โลกที่ประชากรเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ ป่าไม้ได้รับการทำลายในอัตราที่รวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจโดยเฉพาะป่าในเขตร้อนชื้

ระหว่างปี 1980-2000 เราสูญเสียป่าเขตร้อนไปว่า 100 ล้านเฮกเตอร์ส่วนใหญ่มาจากปศุสัตว์ในอเมริกาใต้และสวนปาล์มน้ำมันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือพื้นที่ป่าชุ่มน้ำเหลือเพียง 13% วัดจากปี 1700 จนถึงปี 2000 ในขณะที่เมืองขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านับตั้งแต่ปี 1992

จากการประเมินทั่วโลกพบว่าสัตว์และพืชโดยเฉลี่ยประมาณ 25% หรือประมาณ 1 ล้านสายพันธุ์ ถูกคุกคามและเสี่ยงจากการสูญพันธุ์ ซึ่งอัตราการค่าเฉลี่ยของการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ล้านปีที่ผ่านมาหลายสิบเท่าเลยทีเดียว

อ้างอิง

https://www.telegraph.co.uk/science/2019/06/10/plants-driven-extinction-twice-rate-mammals-birds-amphibians/

https://www.bbc.com/news/science-environment-48169783

https://www.bbc.com/news/science-environment-48584515?ns_mchannel=social&ns_campaign=bbcnews&ocid=socialflow_facebook&ns_source=facebook&fbclid=IwAR2nxBqK8cv9hl8aHKeOxPB-fmknM1nXaEA4UnHyL7rDRD1VUTaZ6bo2mY8

https://www.extinction.photo/explore/?taxonomy=plants

ภาพ : Luke MacGregor/REUTERS