เอาจริงๆ เราตั้งใจไปเพื่อกินพาสต้าเส้นสดของร้าน PHO KItchen เพียงเพราะว่าเราเห็นคำว่าแนะนำให้จอง และก็ตะหงิดๆ ว่าถ้าไม่ไปในวันเสาร์นี้เราก็จะไม่ได้กินอีกเลย อย่างที่ทราบกันดีว่าเดี๋ยวนี้ร้านอาหารหรือคาเฟ่เปิดใหม่มักจะเดือด แบบเต็มไปด้วยคนล้นร้านและต้องแย่งกันกินเหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี หลังจากจองเรียบร้อยผ่านเพื่อน เราก็เฝ้ารอจนถึงวันนัดหมาย แต่ดูเหมือนว่าเราจะคิดผิด คนไม่ได้เยอะแยะวุ่นวายอย่างที่คิดอาจจะเพราะร้านยังใหม่ก็เลยยังไม่มีคนรู้จักมากมาย

แน่นอนว่าเราไปตามเวลานัดหมายและเราได้โต๊ะหน้าครัวเปิดขนาดย่อมที่มอชและกิ๊ก คู่รักเจ้าของร้านรอรับคนกินอย่างเราอยู่ โต๊ะนี้น่าจะเป็นโต๊ะที่ดีที่สุดที่จะได้เห็นทุกขั้นตอนในการทำเส้นพาสต้า ต้องบอกก่อนว่าโพธิ์คิทเช่นเป็นร้านขนาดเล็กที่มีประมาณ 4 โต๊ะ ซึ่งเคาท์เตอร์บาร์ที่ด้านในเป็นครัวพร้อมเตาแก๊ส 2 หัว เตาอบ บนเคาน์เตอร์มีเครื่องรีดแป้ง ทัปเปอร์แวร์บรรจุแป้งโดว์ที่ทำเอาไว้แล้ว เครื่องปรุงต่างๆ ที่เรียงรายแบบครัวใช้จริงในบ้าน

เราแอบถามด้วยความอยากรู้ว่าทำไมถึงทำร้านพาสต้าโฮมเมด เราได้คำตอบจากกิ๊กว่า สมัยที่เธอเรียนอยู่ในเชียงใหม่ เธอมีโอกาสไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารโฮมเมดที่ชื่อว่า Barefoot Cafe ซึ่งในตอนนั้นร้านยังอยู่ภายในโครงการ Penguin Villa หรือจะเรียกว่าหมู่บ้านเพนกวินก็ได้ ซึ่งเป็นร้านที่มีจุดเด่นเรื่องพาสต้าเส้นสดที่ทำใหม่ๆ แน่นอนว่าด้วยความที่เธอทำงานพิเศษอยู่นานเลยได้วิชาการทำอาหารติดตัวมาด้วย แต่เรื่องราวของโพธิ์คิทเช่นกลับยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นในทันที

โพธิ์คิทเช่น เริ่มต้นขึ้นหลังจากการออกร้านในงาน 10 Art Market ใกล้ MRT รัชดาภิเษก เมื่อต้นปี 2019 โดยมอชและกิ๊กนำ Drip Bag Coffee กาแฟดริปพร้อมดื่มไปออกร้านในงาน และในเดือนถัดมามีการจัดงานอีกครั้ง คราวนี้กิ๊กตัดสินใจขายพาสต้าเส้นสดควบคู่ไปกับกาแฟดริป แน่นอนว่าขายดีมากจนทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจไปต่อในชื่อของ “PHO Kitchen” ที่นำด้วยพาสต้าเส้นสด ก่อนจะได้ที่เปิดเป็นร้านป๊อปอัพในรัชดาซอย 3 และมาเช่าพื้นที่ร่วมกับโรงเรียนศิลปะของเพื่อนรุ่นพี่ในซอยลาดพร้าว 29 

จุดเด่นของเส้นพาสต้าอยู่ที่การรีดเส้นใหม่ๆ ต่อหน้าแล้วนำไปลวกแล้วทำพาสต้าแบบจานต่อจาน เพราะฉะนั้นอาจจะต้องใช้เวลารอสักหน่อย ระหว่างที่กิ๊กกำลังง่วนกับการเตรียมพิซซ่า มอชเริ่มนำเอาแป้งที่เตรียมไว้พอดีสำหรับ 1 เสิร์ฟ มานวดใหม่และทำให้แบนก่อนนำเข้าเครื่องรีดแล้วตัดเป็นเส้นเฟตตูชินีสีอมชมพูออกมา ด้วยสีสันที่น่าสนใจ เราถามมอชได้ความว่ามันคือแป้งพาสต้าที่ผสมผักโขมสีแดง แน่นอนว่าไม่ได้ตั้งใจเรื่องสุขภาพ แต่ต้องการสีสันที่สวยงามมากกว่า มอชบอกว่าก่อนหน้านี้ใช้ผักโขมสีเขียวแต่เมื่อนำไปต้มแล้วแทบไม่เหลือสีเขียวอยู่เลยก็เลยปรับสูตร เช่นกันเส้นสีชมพูก็ไม่ชมพูสด แต่เมื่อลวกเสร็จยังเห็นเด่นน่ากินกว่า 

พาสต้าของที่นี่นำเสนอความเป็นญี่ปุ่นด้วยความที่ทั้งคู่ชื่นชอบในอะนิเมะญี่ปุ่น และเราก็เพิ่งทราบภายหลังว่าจริงๆ ร้านของทั้งคู่เป็นที่รู้จักจากข้าวผัดฟ้าใสที่กิ๊กได้แรงบันดาลใจมาจากอะนิเมะเรื่องหนึ่ง แน่นอนว่าเราไม่ได้สั่ง 555 เราตั้งใจมากินพาสต้า จานแรกเพื่อนสั่ง “พาสต้าซัมเมอร์” เส้นพาสต้าของร้านค่อนข้างดี นุ่มแต่เด้งสู้ฟัน ผัดกับซอสมะเขือเทศโฮมเมดที่ไม่ได้เป็นน้ำเหลวๆ แต่ยังมีเนื้อมีหนัง กับหัวหอมและเบคอน กิ๊กบอกว่าจานนี้คือรสชาติของฤดูร้อน แต่ด้วยความที่เราเองก็เป็นแฟนอะนิเมะเราเลยไม่คิดจะสั่งจานแรกแบบเพื่อน เราคิดมาจากบ้านว่าต้องเป็น “พาสต้าสุกี้ยากี้ญี่ปุ่น” เส้นพาสต้าเป็นเส้นเดียวกัน แต่ต่างกันที่องค์ประกอบที่เรากินแล้วนึกถึงสุกี้ยากี้ของอากิโยชิที่มันต้องมีความหอมของหัวหอมผัดจนคารามาไลซ์ ต้นกระเทียม งา แน่นอนว่ารสชาติทั้งหมดมันอยู่ในซอสแล้ว แต่ที่เด็ดคือการตอกไข่แดงลงด้านบนแล้วคลุกมันก่อนกิน นี่แหละใช่เลย สุกี้ยากี้ญี่ปุ่น 

แม้ว่าจะเด่นเรื่องพาสต้าเส้นสด แต่เราก็ไม่ลืมที่จะลองพิซซ่าโฮมเมดด้วยเช่นกัน เราได้มอชเม้าท์ให้ว่าเรื่องพิซซ่าของร้านว่าตัวเขาและกิ๊กไปกินพิซซ่าในร้านพิซซ่าแบรนด์เกาหลีแถวรัชดาที่ว่ากันว่าเป็นพิซซ่าระดับแชมป์ ซึ่งก็เป็นตามนั้นเพราะเป็นแชมป์พิซซ่าลีลา 555 มอชกับกิ๊กก็เลยคิดว่าในเมื่ออาหารเกาหลียังทำเป็นพิซซ่าได้ ทำไมอาหารญี่ปุ่นจะไปกับพิซซ่าไม่ไ้ด้ล่ะ นั่นเลยเป็นที่มาของพิซซ่า เท่าที่คุยกับกิ๊ก แป้งพิซซ่าเป็นแป้งที่ใช้ยีสต์ที่เลี้ยงเอง แต่น่าเสียดายที่วันที่เราไปร้านยังวุ่นอยู่กับการจัดการร้านก็เลยไม่ได้ใช้ยีสต์ธรรมชาติ แต่ก็ต้องบอกว่าอร่อยด้วยองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการนวดแป้งใหม่ๆ แล้วนำไปอบ 1 ครั้ง ก่อนนำมาทาด้วยซอสมะเขือเทศโฮมเมด แต่งหน้าด้วยเครื่องต่างๆ ก่อนจบด้วยชีสพาร์มีซานและชีสมอสซาเรลล่าที่ผลิตในเชียงใหม่แล้วนำเข้าเตาอบอีกครั้ง ทำให้ได้พิซซ่าที่กรอบและฉ่ำไปพร้อมกัน

เราได้ชิม 2 หน้า “ฟอร์เรสต์พิซซ่าเบคอน” แป้งบางกรอบกับเห็ด หัวหอม เบคอน ซอสมะเขือเทศโฮมเมด และชีส 2 ชนิด อบออกมาทั้งกรอบทั้งเยิ้ม ด้วยรสชาติที่ถูกปากเราเลยต้องซ้ำด้วย “วาฟุพิซซ่า” พิซซ่าที่มีหมูชิ้นและองค์ประกอบหลายอย่างที่ชวนให้คืดว่าเหมือนสุกี้ยากี้ญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่ เราว่าวาฟุอร่อยถูกปากกว่า

ฟังดูเหมือนว่ากิ๊กเด่นอยู่ในครัวของเธอ แต่ไม่ใช่แหละ ร้านนี้ต้องมีมอช หน้าที่รีดเส้นและเครื่องดื่มคือหน้าที่หลักของเขา จะกาแฟดริป หรือเครื่องดื่มประเภทชา มอชก็ทำออกมาได้ดี แนะนำให้กินคู่กับ “โดนัทจูนใจ” หรือโดนัทเบนเย่ โดนัททอดสไตล์ฝรั่งเศสโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง 

ใครอยากกินอาหารและพาสต้าโฮมเมด เราว่าที่นี่ดีเลยแหละ ราคาก็ไม่แพง

Fact Box

  • PHO Kitchen ซอยลาดพร้าว 29 เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ 10.00-15.00 น. และ 18.00-21.00 น. สามารถจองได้ทาง Inbox ของ www.facebook.com/PHOkitchenHome

 

Tags: