หากพูดถึงที่เที่ยวในภาคใต้ ตัวเลือกปลายทางแรกในใจคนส่วนใหญ่ หากไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่เด่นเรื่องทะเลอย่างกระบี่หรือสุราษฎร์ธานี หลายคนคงนึกถึงเมืองหลักอย่างภูเก็ตหรือหาดใหญ่เสียมากกว่า ขณะที่เมืองรองอย่าง ‘ตรัง’ อาจอยู่นอกเหนือสายตาโดยปริยาย
อย่างไรก็ดี หากใครเคยลองเปิดใจมาเที่ยวเมืองรองนี้สักครั้งคงรู้ดีว่า จังหวัดตรังมีศักยภาพ ทั้งด้านทรัพยากรท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความหลากหลายไม่แพ้จังหวัดใดในไทย หรือแม้แต่ในโลก อีกทั้งยังห่างไกลจากฝุ่นควันและมลภาวะ อันเหมาะแก่การพักใจและฟอกปอดให้หายอ่อนล้าอย่างดียิ่ง
ลงเรือ ล่องเลตรังสำรวจถ้ำมรกต
เครื่องหมายการค้าของทะเลตรังที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงคือ ‘เกาะมุก’ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ‘ถ้ำมรกต’ ถ้ำน้ำทะเลที่มีความงดงามตระการตา สามารถเข้าออกได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น
สถานที่ดังกล่าวสามารถเดินทางได้ด้วยการขึ้นเรือหางยาวหรือเรือเร็ว ที่ท่าเรือควนตุ้งกู ราคาเหมาลำเริ่มต้นในราคาหลักร้อยจนถึงหลักพัน พร้อมข้อดีคือความสะดวกและความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง รวมถึงล่องเรือเที่ยวเกาะใกล้เคียงนอกจากบริเวณรอบๆ เกาะมุกได้โดยไม่ต้องซื้อทัวร์เพิ่ม ขณะเดียวกัน เกาะกระดานที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘หาดทรายที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023’ และจุดดำน้ำตื้นยอดฮิตนั้น ก็อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธีที่ประหยัดกว่ามาก คือการขึ้นเรือโดยสาร เดิมทีเป็นเรือที่คนในเกาะมุกใช้บริการขนสินค้าและอาหาร แต่ปัจจุบันสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ในราคาตั๋วแค่คนละ 50 บาท เพียงแต่ความสะดวกสบายก็จะลดหลั่นลงมาตามราคา และมีข้อเสียคือ มีรอบโดยสารเพียงรอบเดียวต่อวัน เวลา 12.00 น.
สำหรับใครที่ไม่ชื่นชอบการนั่งเรือชมเกาะหรือดำน้ำเป็นพิเศษ การเดินทางด้วยเรือโดยสารอาจคุ้มค่ากว่ามาก เพราะนอกเหนือจากจุดดำน้ำและถ้ำน้ำทะเลแล้ว ฝั่งตะวันออกของเกาะมุกก็ยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่น่าสำรวจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะหาดทรายขาวสะอาดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปอวดลงโซเชียลฯ สปานวดแผนไทย หมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวเกาะไว้ หรือสะพานบ้านเกาะมุก ซึ่งเป็นจุดที่พะยูนว่ายขึ้นมาอวดโฉมอยู่บ่อยครั้ง
แหล่งท่องเที่ยวข้างต้นที่กล่าวมา ล้วนอยู่ในระยะที่ไม่ไกลจากจุดลงเรือบนเกาะมุก สามารถเดินเท้าไปชมด้วยตนเองได้ แต่หากใครชอบความรวดเร็วทันใจ ก็สามารถไปลองใช้บริการแท็กซี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ที่เป็นขนส่งสาธารณะประจำถิ่นของเกาะมุกได้เช่นกัน
‘ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย’ ศูนย์รวมใจของชาวพุทธเมืองตรัง
หลังกลับจากเกาะมุกเข้าสู่ตัวเมืองตรังในเช้าวันถัดมา บรรดานักท่องเที่ยว ‘สายมู’ สามารถแวะมาไหว้พระขอพรเอาฤกษ์เอาชัยได้ที่ ‘ท่ามก๋งเยี่ย’ ศาลเจ้าเก่าแก่บรรยากาศเงียบสงบที่อยู่คู่เมืองตรังมายาวนานถึง 120 ปี มีพื้นที่กว้างขวางและสระน้ำร่มรื่น ส่วนตัวสถาปัตยกรรมของศาลเจ้าแห่งนี้มีลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว
อาจนิยามได้ว่า นี่คือสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวตรังตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา นับตั้งแต่แรกเกิดจากครรภ์มารดา เพราะการพาเด็กเกิดใหม่ที่เพิ่งอายุครบเดือนมาไหว้ขอให้พระท่ามก๋งเยี่ยรับไว้เป็นบุตร ได้กลายเป็นหนึ่งในวิถีปฏิบัติของคนที่นี่
ว่ากันว่านอกจากศาลเจ้าจะศักดิ์สิทธิ์ ขอพรสิ่งใดก็สมดังใจปรารถนา ‘เซียมซี’ ของพระท่ามก๋งเยี่ยยังแม่นยำมากอีกด้วย ผู้คนจึงนิยมเดินทางมาบนบานกับท่ามก๋งเยี่ยด้วยหมูย่างทั้งตัว หรือของแก้บนต่างอื่นๆ ลดหลั่นกันไปตามกำลังศรัทธาและทุนทรัพย์
คนตรังกับวัฒนธรรมการกิน
เมื่ออิ่มบุญแล้วก็ต้องอิ่มท้องด้วย นอกจากทะเลและวัด จุดขายทีเด็ดของเมืองตรังคือวัฒนธรรมการกิน
แม้จะไม่ใช่พื้นที่เมืองใหญ่ แต่มีค่าตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยเยอะ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน โดยยอดสั่งอาหารออนไลน์บนแอปพลิเคชัน ‘LINE MAN’ ของตรังนั้น เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 64% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นับเป็นจังหวัดดาวรุ่งพุ่งแรงที่ส่งเสริมให้แพลตฟอร์มเดลิเวอรีนี้เติบโตเร็วที่สุดในภาคใต้ และเพิ่มรายได้ให้ร้านอาหารในจังหวัดกว่า 7,000 ร้าน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟู้ดเดลิเวอรีในจังหวัดตรังเติบโตอย่างต่อเนื่อง คงหนีไม่พ้นความชื่นชอบและความพิถีพิถันเรื่องอาหารของคนในท้องถิ่น จนเป็นที่มาของคำพูดติดปากเกี่ยวกับเมืองตรังที่ว่า
‘ยุทธจักรแห่งความอร่อย’
‘เรื่องกินเรื่องเล็ก เรื่องไม่ได้กินเรื่องใหญ่’
‘คนตรังกิน 9 มื้อ’
วลี ‘กิน 9 มื้อ’ ไม่ได้หมายความว่า คนตรังเพียงคนเดียวจะกินอาหารมากมายถึง 9 มื้อต่อวัน แต่หมายถึงความรุ่มรวยด้านวัฒนธรรมทางวัตถุดิบที่ทำให้คนจังหวัดตรังมี ‘อาหาร’ พอกินอย่างเหลือเฟือตลอดเช้าจรดค่ำ
โดยมูลเหตุแห่งอาหาร 9 มื้อนี้ คือความหลากหลายทางเชื้อชาติและความแตกต่างด้านวิถีชีวิตของผู้คนหลากอาชีพ ทั้งเกษตรกรที่ต้องหาอะไรกินรองท้องตั้งแต่ตี 2 เพราะต้องเข้าสวนไปกรีดยาง พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องตื่นมาเตรียมของขายตั้งแต่ไก่โห่ นักเรียนและข้าราชการที่ต้องรีบออกจากบ้านมาหามื้อเช้ากินก่อนเวลาเคารพธงชาติ และคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำทั่วไปที่รวมตัวกันไปกินเลี้ยงสังสรรค์ยามดึกตามโอกาส
ทั้งนี้ The Momentum ขอถือโอกาสรวบรวม 3 ร้านอาหารรสเด็ด เจ้าของรางวัล ‘LINE MAN Wongnai Users’ Choice’ ประจำปีนี้มาฝากเหล่านักท่องเที่ยวสายตะลุยกิน
เลตรังติ่มซำ
ติ่มซำนึ่งสด วัตถุดิบระดับพรีเมียม มีให้เลือกตั้งแต่ราคาเข่งละ 25 บาท ไปจนถึง 70 บาท ถือว่าราคาสูงกว่าติ่มซำร้านอื่นในตัวเมืองตรัง แต่รสชาตินับว่าใกล้เคียงกับร้านติ่มซำระดับภัตตาคารในฮ่องกง
คนใต้จะนิยมกินติ่มซำคู่กับ ‘ค่อมเจือง’ น้ำจิ้มติ่มซำหน้าตาคล้ายซอสพริก แต่หากใครใคร่อยากกินกับจิ๊กโฉ่วก็อร่อยไม่แพ้กัน
นอกเหนือจากติ่มซำแล้ว ยังมีซาลาเปา ข้าวต้ม บะกุ๊ดเต๋ ก๋วยเตี๋ยวหลอด และของทอดสไตล์จีนอีกหลายเมนู อาทิ ฮ่อยจ๊ออัดแน่นเนื้อปูเต็มคำ และแฮกึ๊นไส้กุ้งรสสัมผัสเด้งหนึบสู้ฟัน
ราคาต่อหัว: 250-500 บาท
เมนูเด็ด: ติ่มซำทุกเมนู, ฮ่อยจ๊อปู, แฮกึ๊น, ก๋วยเตี๋ยวหลอด
วันและเวลาเปิดบริการ: ทุกวัน 6.00-20.30 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/RcueHuJrhSgYP1Sk8
ครัวท่องนาท่าม
ร้านอาหารพื้นถิ่นใต้ในตำนานที่อยู่คู่ตำบลนาท่ามใต้ จังหวัดตรังมานานถึง 18 ปี บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย เหมาะสำหรับแวะทานอาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น
กับข้าวส่วนมากของที่นี่ถูกปรุงรสให้จัดจ้านเข้มข้น ถึงพริกถึงขิงตามสไตล์อาหารพื้นบ้านภาคใต้ แต่ไม่เผ็ดลิ้นไหม้ชนิดที่คนต่างถิ่นกลืนไม่ลง ทว่าใครที่กินเผ็ดไม่เก่งควรระวังยิ่ง
ราคาต่อหัว: 200-300 บาท
เมนูเด็ด: กุ้งผัดสะตอกะปิ, แกงส้มปลากด, ยำผักกูด, แกงคั่วปลาดุกนา
วันและเวลาเปิดบริการ: ทุกวัน 10.00-21.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/1W4W9WfLnaCh7MxBA
โกช้อย
ร้านอาหารใต้สไตล์ไทย-จีนเก่าแก่กลางเมืองตรังอายุร่วม 50 ปี ตั้งอยู่หัวมุมถนนบริเวณสามแยกโกช้อยที่รถค่อนข้างพลุกพล่าน ทำให้หาที่จอดยากเสียหน่อย แต่ถือว่าคุ้มค่า เพราะอาหารอร่อย ราคาไม่แพง
ทีเด็ดของโกช้อยคือเมนู ‘ขาหมูเย็น’ อาหารจีนโบราณที่หากินได้ยาก ส่วนแกงใต้และเมนูอื่นๆ อาจรสชาติเผ็ดน้อยหากเทียบกับร้านครัวท่องนาท่าม แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่กลมกล่อมพอดี ไม่จืดชืด
ราคาต่อหัว: 150-250 บาท
เมนูเด็ด: เกาหยุก, ใบเหลียงผัดไข่ (คนที่นี่เรียกว่า ‘ใบเหมียง’), ขาหมูเย็น, ขาหมูร้อน
วันและเวลาเปิดบริการ: ทุกวัน 10.00-18.30 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/xyBroaih7WzXeuiS7
นอกเหนือจาก 3 ร้านดังที่ยกมาแล้ว ในจังหวัดตรังยังมีร้านอาหารอีกมากมายที่แม้จะยังไม่ได้รางวัล แต่อาจเป็น ‘อัญมณี’ ที่ยังไม่ถูกค้นพบและรอนักชิมได้มาลิ้มลอง สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองไปสัมผัสการท่องเที่ยวเชิงอาหารที่จังหวัดตรัง ยุทธจักรความอร่อยแดนใต้ สามารถติดตามข้อมูลร้านอาหารทั้งคาวหวานได้ทางเว็บไซต์ www.wongnai.com
Tags: LINEMAN Wongnai, ตรัง, Out and About