หากกล่าวถึง เดอะคอฟฟี่คลับ (The Coffee Club) ร้านกาแฟสัญชาติออสเตรเลีย ที่มีบทบาทในแวดวงร้านแฟรนไชส์ในประเทศไทยกว่า 13 ปี นอกจากรสชาติกาแฟสุดกลมกล่อมแล้ว หลายคนคงต้องนึกถึงเมนูอาหารแบบออลเดย์ไดน์นิง (All-Day Dining) ที่ลูกค้าสามารถเลือกสั่งเมนูอาหารได้ตั้งแต่มื้อเช้าจรดเย็นตลอดทั้งวัน
จุดเด่นออลเดย์ไดน์นิงยังประกอบด้วยการรังสรรค์เมนูสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนไทย ชาวต่างชาติ หรือเด็กๆ เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านเซตเมนูอาหารมากมาย ทั้งเมนูอาหารไทยที่ประกอบด้วยผัดกะเพรา ข้าวต้มกุ๊ย ข้าวหมูกรอบคั่วพริกเกลือ หรือเซตเมนูอาหารต่างประเทศอย่างข้าวผัดอเมริกันและสปาเก็ตตี ตบท้ายด้วยนมอุ่นโรยผงโกโก้
วันนี้ เดอะคอฟฟี่คลับก้าวไปอีกขั้นในเรื่องความหลากหลาย ด้วยการเปิดตัว ‘Green-Licious’ เซตเมนูอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ ที่มีคอนเซปต์คือ ลูกค้าต้องได้สัมผัสถึงอาหารคุณภาพดี มีประโยชน์ และที่สำคัญต้องทลายภาพจำเดิมๆ ที่ว่า ‘อาหารคลีนไม่อร่อย’
“แม้เดอะคอฟฟี่คลับขึ้นชื่อคำว่าเฮลตี้อยู่แล้ว แต่เราอยากก้าวไปอีกขั้นด้วยเซตเมนูนี้ คือลูกค้าต้องรู้สึกสบายใจ กินอาหารคลีนด้วยความอร่อย ไปพร้อมๆ กับรู้สึกดี มีประโยชน์” นงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไปของเดอะคอฟฟี่คลับ กล่าวจุดประสงค์ในงานเปิดตัวเซตเมนู Green-Licious
คอลัมน์ Out and About จาก The Momentum ในอาทิตย์นี้ พาผู้อ่านทุกคนเปิดประสบการณ์ลิ้มลองและสัมผัส ‘อาหารคลีนที่อร่อย ไว้ใจได้ และอยู่ท้อง’ จาก Green-Licious เซตเมนูอาหารสุดเฮลตี้และคุณภาพดีของเดอะคอฟฟี่คลับ
1
กลิ่นหอมของกาแฟและอาหาร เคล้าคลอไปกับเสียงจอแจของผู้คนในร้าน นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าเดอะคอฟฟี่คลับ เพื่อร่วมงานการเปิดตัวเมนูเซตอาหารคลีนสุดอร่อย Green-Licious โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ชั้นล่างโรงแรมอวานี (Avani) ติด BTS อ่อนนุช ไม่ไกลไม่ใกล้จากใจกลางเมือง
ระหว่างรอให้ถึงเวลาการเริ่มงาน ร้านแนะนำให้สั่งเครื่องดื่มเพื่อรองท้องก่อน ผู้เขียนจึงไม่รีรอสั่งเมนูเลมอนโซดายูซุ เพื่อดับกระหายไปพลางพูดคุยกับแขกคนอื่นๆ ที่มาร่วมงานเพื่อฆ่าเวลาเสียก่อน
เมื่อได้ลองชิมเลมอนโซดายูซุก็ปรากฏว่า รสชาติอร่อย มีรสเลมอนเปรี้ยวๆ ผสานกับความซ่าของโซดา แต่หวานกำลังพอดี ไม่มากจนเกินไป ซึ่งตรงกับหมายเหตุที่แนบตอนสั่งไปด้วยว่า ขอรสชาติแบบหวานน้อย
2
จนช่วง 13.00 น. เวลาเริ่มงาน นงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไปของเดอะคอฟฟี่คลับ ออกมาต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน พร้อมกับบอกเล่าความเป็นมาของเซตเมนู Green-Licious ที่ทวีคูณความเฮลตี้ยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังสอดแทรกรายละเอียดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการระบุสารอาหาร หรือจำนวนแคลอรีอย่างชัดเจนทั้งในเครื่องดื่มหรือเมนูอาหาร
“Green-Licious เกิดขึ้นจากความต้องการของลูกค้า แม้ว่าเดอะคอฟฟี่คลับจะใส่ใจเรื่องของความเฮลตี้ลงในอาหารอยู่แล้ว แต่เซตนี้ไม่เหมือนเมนูเดิมๆ เป็นตัวที่คิดมาให้ลูกค้ารู้สึกอร่อยเป็นอันดับแรก ขณะที่ก็ต้องมีประโยชน์ กินแล้วรู้สึกดีกับตัวเอง”
แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังคงยืดหยุ่นในเรื่องวัตถุดิบที่หลากหลายกว่าอาหารคลีนทั่วไปที่คุ้นตา สาเหตุเป็นเพราะทลายกรอบการกินอาหารคลีนแบบเดิมๆ ที่ทำให้เกิดความเครียดและกังวล เพราะการ ‘จำกัด’ วัตถุดิบหรือส่วนผสมบางอย่างมากเกินไป
ในเซตเมนู Green-Licious ลูกค้าจึงสามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดในมื้ออาหารได้ตามความต้องการได้ ไม่ว่าจะการใส่ท็อปปิ้งบางชนิดหรือเพิ่มเวย์โปรตีน โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสูตรเดิมเสมอไป
3
เซตเมนู Green-Licious ประกอบด้วย 3 เมนูอาหาร และ 4 เครื่องดื่ม โดยลูกค้าจับคู่เครื่องดื่มและเมนูอาหารได้ตามใจชอบ
เริ่มจากเซตเมนูอาหาร ได้แก่ ‘The Veggie Big Breakfast’ เมนูอาหารในมื้อเช้าสำหรับสายมังสวิรัติ ขณะที่เมนูที่ 2 คือ ‘Kale Salad With Grilled Chicken & Avocado’ สลัดเคลสด เสิร์ฟพร้อมอกไก่ย่างและอะโวคาโด ปิดท้ายด้วยเมนูสุดท้ายอย่าง ‘Smoked Salmon & Fresh Avocado Brekkie’ แซลมอนรมควันเสิร์ฟคู่กับแฮชบราวน์ พร้อมผักบางชนิดในจาน
ในด้านเครื่องดื่มประกอบด้วย 4 เมนูแสนอร่อยและดีต่อสุขภาพ สามารถกินเล่นแทนขนมในระหว่างไดเอ็ตได้
โดยเครื่องดื่มแก้วแรกคือ ‘Chunky Monkey’ นมโอ๊ตช็อกโกแลตปั่นพร้อมกล้วยหอม ท็อปปิงด้วยกล้วยตากและกราโนลา และเมนูที่ 2 คือ ‘Green Goodness Smoothie’ เครื่องดื่มนมมะพร้าวแพลนต์เบสที่ปั่นกับผักและผลไม้ต่างๆ เช่น อะโวคาโด กล้วยหอม ผักโขม เมล็ดเชีย ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีอบแห้ง และกราโนลา
ตามมาด้วย ‘Coffee Protein Frappe’ กาแฟปั่นผสมนมอัลมอนด์ เพิ่มเวย์โปรตีนให้หนำใจสำหรับสายเพิ่มกล้ามเนื้อ ขณะที่เมนูเครื่องดื่มสุดท้ายคือ ‘Mixed Berry Protein Frappe’ นมโอ๊ตผสมกล้วยหอมปั่นกับเบอร์รี มีท็อปปิงอย่างเมล็ดเชียและเวย์โปรตีนที่ทำให้อยู่ท้องกว่าเดิม
4
เริ่มต้นเซตอาหารเมนูของ Green-Licious ด้วยจานแรกอย่าง ‘The Veggie Big Breakfast’ เมนูอาหารเช้าอันเป็นเอกลักษณ์ของเดอะคอฟฟี่คลับที่เน้นความเฮลตี้เป็นพิเศษ กินแล้วรู้สึกเบาสบายท้อง ไม่อึดอัดจนเกินไป อีกทั้งยังให้ทางเลือกกับกลุ่มมังสวิรัติที่ไม่กินเนื้อสัตว์ ด้วยการเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างตามใจชอบ
ส่วนผสมหลักของอาหารจานนี้ประกอบด้วยขนมปังซาวโดวจ์ แฮชบราวน์ ไข่เคจฟรี (Cage Free) พร้อมด้วยผักหลากหลายชนิด ได้แก่ มะเขือเทศเชอร์รี เห็ดผัดกับผักโขม และอะโวคาโดสด เสิร์ฟพร้อมซอสทรัฟเฟิล โดยราคาอยู่ที่จานละ 300 บาท
และเมื่อได้ลองชิมเข้าไปแล้ว ก็รู้สึกทันทีว่าส่วนผสมทุกอย่างลงตัว เป็นการกินอาหารคลีนที่อร่อย โดยเฉพาะรสชาติของทรัฟเฟิลที่เข้ากับวัตถุดิบอื่นๆ ได้ดี เมนูนี้นับว่าคุ้มค่า ทั้งรสชาติ ความเยอะของจานอาหาร และคุณภาพของวัตถุดิบที่สดใหม่
5
ตามมาด้วยจานที่สอง เมนู ‘Kale Salad With Grilled Chicken & Avocado’ สำหรับสายเคร่งครัดเรื่องสุขภาพและต้องการความจริงจังในการกินขึ้นมาหน่อย แต่ก็เน้นความอร่อยเป็นหัวใจสำคัญอยู่
อาหารจานนี้อุดมไปด้วยผักเคลสด อะโวคาโด หอมแดง เสิร์ฟพร้อมอกไก่ ชีส โรยด้วยธัญพืชหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นลูกเกดหรือเมล็ดฟักทอง ปิดท้ายด้วยการคลุกน้ำสลัดบัลซามิกเพิ่มความกลมกล่อมของจานอาหาร โดยอาหารจานนี้ราคา 320 บาท
สำหรับรสชาติ ส่วนผสมทุกอย่างในจานนี้ลงตัว อร่อย และทลายกรอบการไดเอ็ตที่รสชาติมักจะจืดชืด โดยเฉพาะหากพูดถึงเคล ราชินีแห่งผักใบเขียว ที่ทำให้หลายคนต้องส่ายหน้าด้วยกลิ่นเหม็นเขียวและความขม แต่ในจานนี้เมื่อเคลเสิร์ฟพร้อมกับน้ำสลัดบัลซามิก ธัญพืชต่างๆ รวมถึงอกไก่ ช่วยการดับกลิ่นมากและชูวัตถุประกอบให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
6
เมนูอาหารสุดท้ายที่ได้รับประทานจนหมดจานจริงๆ คือ ‘Smoked Salmon & Fresh Avocado Brekkie’ แซลมอนรมควัน เสิร์ฟคู่กับแฮชบราวน์ ไข่คน และอะโวคาโด ราดด้วยซอสมาโยกับพริกไทย ซึ่งมีราคาจานละ 350 บาท
ความรู้สึกแรกที่ได้ลิ้มลอง Smoked Salmon & Fresh Avocado Brekkie คือ อาหารจานนี้เหมือนไม่ใช่อาหารคลีนเลย เพราะไม่เพียงแต่รสชาติดี วัตถุดิบมีคุณภาพ โดยเฉพาะความสดจากแซลมอน ความกรอบของแฮชบราวน์ แต่อาหารในจานนี้ยังมีความหลากหลาย เป็นหนึ่งในจานที่กินแล้วรู้สึกสนุกกับองค์ประกอบในจาน เพลิดเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่ออาหารในจานหมดแล้ว
แต่หากเทียบกับจานก่อนๆ ก็ถือว่าหนักท้องพอสมควร ซึ่งนับว่าคุ้มค่ามากๆ กับราคา 350 บาทเลยทีเดียว
7
ปิดท้ายด้วย Coffee Protein Frappe กาแฟปั่นผสมนมอัลมอนด์ ท็อปปิงด้วยกราโนลาและถั่ว ราคาแก้วละ 175 บาท
รสชาติของเครื่องดื่มตามมาด้วยความเข้มข้นของกาแฟอันดับแรก สอดแทรกกับความหวานด้วยรสชาติของกราโนลาและความหนึบของถั่ว ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกินขนม ขณะที่มีเวย์โปรตีนที่แฝงตัวอย่างแนบเนียนในกาแฟ
สำหรับผู้อ่านท่านใดที่สนใจเซต Green-Licious เมนูอาหารคลีนเพื่อสุขภาพที่อร่อยและถูกปาก สามารถเดินทางไปลิ้มลองได้ที่เดอะคอฟฟี่คลับทุกสาขา นับตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2023
Tags: อาหารคลีน, Green-Licious, น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ, การดูแลสุขภาพ, อาหารเพื่อสุขภาพ, Out and About, The Coffee Club