หากพูดถึงกรีก หลายคนคงนึกถึงเทพปกรณัมกรีก หรือบรรดานักปราชญ์อย่างโสเครตีส (Socrates) เพลโต (Plato) หรืออริสโตเติล (Aristotle) แต่หากพูดถึงอาหารกรีก คงมีเพียงโยเกิร์ตกรีกที่ใกล้ตัวคนไทยมากที่สุด ในขณะที่เมนูอื่นหรือวัฒนธรรมของกรีกในยุคสมัยใหม่ไม่อยู่ในความสนใจของคนไทยมากนัก

ทว่าในประเทศไทยยังคงมีร้านอาหารกรีกแห่งหนึ่ง ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานถึง 22 ปีอย่าง Olive Bangkok ร้านอาหารกรีกและอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ที่จะทำให้คุณได้รู้จักอาหารกรีก และเข้าใจถึงความสนุกในการกินอาหารจากดินแดนแห่งเทพนิยาย

ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของ Olive Bangkok เมื่อปี 2545 อุ๋น-ศิริลักษณ์ แซ่ลิ่ม ร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์ชาวกรีก เพื่อเปิดร้านขายพิตาแรป (Pita Wrap) แรปสไตล์กรีก ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ไทย ขายตามห้างซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมกับขายแบบเดลิเวอรี โดยมีครัวกลางเป็นสถานที่ผลิตรับ-ส่งอาหารไปยังลูกค้า แต่เมื่อพาร์ตเนอร์ชาวกรีกกลับไปยังประเทศกรีซ ศิริลักษณ์จึงตัดสินใจปิดร้านสาขาทั้งหมด แล้วใช้ครัวกลางตรงนี้เปิดเป็นร้านอาหารกรีกเล็กๆ จนถึงปัจจุบัน

‘โอลีฟ’ ต้นมะกอกที่งอกในไทย

ชาวกรีก (Greeks) เป็นชื่อเรียกชาติพันธุ์กรีกที่กระจายตัวกันอยู่ตามประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนและทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนประชากรชาวกรีกมากที่สุดในประเทศกรีซ โดยประเทศแถบนี้มีวัฒนธรรมร่วมด้านการกินอย่างหนึ่งที่โดดเด่นคือ มะกอกและน้ำมันมะกอก ดังนั้นในสมัยที่คนไทยยังรู้จักประเทศกรีซไม่มากนัก ศิริลักษณ์อยากได้ชื่อร้านที่สื่อถึงความเป็นเมดิเตอร์เรเนียน จึงมาลงเอยที่ชื่อ Olive 

ด้วยความที่กรีซเป็นประเทศเล็กๆ ส่งผลให้มีผลิตผลทางเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมผลิตออกมาได้น้อย จึงทำให้สินค้ามีราคาแพง และเป็นเสมือนของหายากในแต่ละท้องถิ่น คล้ายกับเรื่องไวน์ชื่อดังของแต่ละท้องถิ่นที่คนไทยคุ้นเคย Olive Bangkok เป็นร้านอาหารกรีกที่มีวัตถุดิบหลายอย่างนำเข้ามาจากประเทศกรีซ โดยเฉพาะมะกอก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในหลายเมนูอย่างขาดไม่ได้ โดยเฉพาะสลัดกรีก

‘สลัดกรีก ท็อปชีสเฟตาและมะกอกคาลามาตา (Greek Salad with Feta & Kalamata Olive)’

เมนู ‘สลัดกรีก ท็อปชีสเฟตาและมะกอกคาลามาตา (Greek Salad with Feta & Kalamata Olive)’ เป็นเมนูที่มีวัตถุดิบนำเข้ามาจากประเทศกรีซ ทั้งชีสเฟตา และมะกอกคาลามาตา

‘ชีสเฟตา’ เป็นชีสที่ผลิตจากนมแกะ และใช้วิธีการผลิตแบบกรีกดั้งเดิม จึงได้รับความคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Protected Geographical Indications: PGI) ชีสอื่นๆ ที่มีกระบวนการผลิตคล้ายคลึงกันจะไม่ถูกนับรวมว่าเป็นชีสเฟตา ในขณะที่มะกอกคาลามาตามาจากเมืองคาลามาตา (Kalamata) เป็นสินค้าที่ได้รับการรับรองการตั้งชื่อจากแหล่งกำเนิดสินค้า หมายความว่า มะกอกต้นอื่นจากต่างเมืองไม่ใช่มะกอกคาลามาตาของแท้

และทั้ง 2 วัตถุดิบนี้รวมกันอยู่ในจานสลัดกรีกในร้าน Olive Bangkok เป็นเมนูที่ชาวกรีกทุกคนต้องสั่งเมื่อมาเยือน

‘มูซซากา (Moussaka)’

อีกหนึ่งเมนูที่แสดงถึงความนิยมชมชอบของชาวกรีกคือเมนู ‘มูซซากา (Moussaka)’ หรือ ‘พายมะเขือม่วงอบซอสเนื้อและครีมเบชาเมล (Baked Eggplant with Meat Sause & Bechamel Cream)’ เป็นเมนูที่หน้าตาคล้ายลาซานญา (Lasangna) ของอิตาลี ซึ่งวิธีการทำคล้ายคลึงกัน แต่เนื่องจากคนกรีกชอบกินมะเขือม่วงมาก ลาซานญาสไตล์กรีกจานนี้จึงมีวิตามินจากผักเข้ามาเสริมด้วย

 ‘ชุดคอมโบเนื้อ (The Meat Platter)’  ด้านขวา

สำหรับเมนูเนื้อสัตว์ทาง Olive Bangkok นำเสนอ ‘ชุดคอมโบเนื้อ (The Meat Platter)’ เป็นจานที่รวมเนื้อสัตว์ทั้ง ไก่เสียบไม้ย่าง (Chicken Souvlaki) เบอร์เกอร์เนื้อย่าง (Bifteki) เนื้อแกะย่าง (Lamb Gyros) ไส้กรอก (Sausage) เปาะเปี๊ยะเนื้อ (Filo Puff) ที่ศิริลักษณ์ประยุกต์ให้เข้ากับคนไทย จานเนื้อทั้งหมดนี้เป็นเนื้อสไตล์กรีก ซึ่งชาวกรีกชอบกินเนื้อแบบสุกมาก (Well Done)

ในตะกร้ามีแป้งพิตาหลากหลายชนิด

ร้านโฮมมี่ที่จริงจังเรื่องแป้งพิตา

ด้วยบรรยากาศของร้าน Olive Bangkok ที่ดูอบอุ่นเหมือนรับประทานอาหารที่บ้าน เชื่อว่าหลายคนคงจินตนาการถึงการทำอาหารกินกันเองที่บ้าน (Home Cooking) หรืออาหารฝีมือคุณแม่ชาวกรีกที่ค่อยๆ อบแผ่นขนมปังทีละชิ้น แต่เบื้องหลังของร้าน Olive Bangkok นั้นมีโรงงานที่ทำแป้งพิตาเป็นของตนเอง 

แป้งพิตามีลักษณะคล้ายแผ่นแป้งนานของอินเดีย สำหรับร้าน Olive Bangkok ได้ทำแผ่นแป้งพิตาหลายรูปแบบ เพื่อให้คนไทยสนุกกับการกินอาหารกรีกมากขึ้น โดยทีเด็ดอยู่ที่ ‘ขนมปังพิตาย่าง (Grilled Soft Pita Bread)’ มีความนุ่มและสามารถใช้แป้งพิตานี้ห่อกินกับเมนูเนื้อสัตว์ได้ เป็นสูตรของ Olive Bangkok ที่มีโรงงานผลิตแป้งพิตาเป็นของตัวเอง 

และอีกหนึ่งสิ่งที่ศิริลักษณ์คิดค้นขึ้นมาคือ ‘พิตาชิปอบน้ำมันมะกอก (Baked Pita Chip with Olive Oil & Heabs)’ คล้ายกับขนมอบกรอบ สามารถนำมาจิ้มกินกับดิปหลากหลายรสชาติได้ เป็นการเพิ่มสีสันในการกินอาหารกรีก นอกจากนี้ยังมี ‘คูลูรี’ หรือ ‘ขนมปังเพรตเซลชุบงาสไตล์กรีก (Koulouri-Greek Sesame Ring Bred)’ ที่เข้าคู่กับลาซานญาและดิปต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ดิปหลากรสชาติ และมะกอกคาลามาตา

ไม่เพียงแค่แป้งพิตา แต่ร้าน Olive Bangkok ยังทำดิปเอง และส่งขายให้ซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงเป็นซัพพลายให้โรงแรมด้วย โดยดิปสำหรับชาวกรีกเปรียบเทียบได้กับการที่คนไทยต้องมีน้ำพริกกะปิกินคู่กับข้าวสวยและผักต้ม

และหากใครอยากเข้าถึงจิตวิญญาณของชาวกรีกอย่างแท้จริง ควรสั่งเหล้าอูโซ (Ouzo) มากินแกล้มกับอาหาร เพราะวิถีชีวิตของคนกรีก เวลากินอาหารมื้อใหญ่จะต้องมีอูโซวางอยู่บนโต๊ะด้วย โดยอูโซเป็นเหล้าที่หมักบ่มด้วยวิธีการดั้งเดิมของกรีก ผสมกับโป๊ยกั๊ก ทำให้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ อีกหนึ่งคุณประโยชน์ของอูโซนอกจากช่วยเรียกน้ำย่อยก่อนเริ่มมื้ออาหาร ทำให้เจริญอาหารแล้ว ยังช่วยย่อยอาหารได้อีกด้วย

เหล้าอูโซ่ (Ouzo) ด้านซ้าย และโยเกิร์ตกรีกโฮมเมด โรยน้ำผึ้งกับถั่วอบ (Homemade Greek Yogurt with Honey & Candied Mixed Nut) ด้านขวา

โยเกิร์ตกรีก พระเอกที่มาปิดท้ายตอนจบ

เมื่อคนไทยคุ้นเคยกับโยเกิร์ตกรีกกันแล้ว หากไม่ลองชิมโยเกิร์ตของ Olive Bangkok คงเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ เพราะโยเกิร์ตกรีกของที่นี่เป็นสูตรกรีกดั้งเดิม ที่ใช้เวลาหมักบ่มนานกว่าโยเกิร์ตกรีกทั่วไปที่ผลิตในไทย ซึ่งโยเกิร์ตกรีกโฮมเมด โรยน้ำผึ้งกับถั่วอบ (Homemade Greek Yogurt with Honey & Candied Mixed Nut) ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของ Olive Bangkok หรือจะสั่งเป็นเครื่องดื่ม ลัชชีโยเกิร์ตกรีกใส่น้ำผึ้ง (Greek Yogurt Honey Lassi) ก็อร่อยไม่แพ้กัน

อาหารมื้อใหญ่ ที่รูปแบบคล้ายกับเอเชีย

อาหารกรีกนอกจากจะรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีรูปแบบการกินที่คล้ายกับชาวเอเชียอย่างเราๆ ด้วย ศิริลักษณ์เปรียบเทียบว่า คล้ายกับติ่มซำ เนื่องจากคนกรีกจะมีการแบ่งอาหารเป็นจานเล็ก เรียกว่า เมซเซ (Mezze) และมักกินอาหารมื้อใหญ่กับครอบครัวใหญ่ พร้อมกับพูดคุยกันบนโต๊ะอาหารเหมือนคนไทยเชื้อสายจีน ความคล้ายกันในข้อนี้ลงล็อกกับคนไทยที่มองหาร้านอาหาร ที่สามารถกินอาหารมื้อใหญ่กับครอบครัวหรือสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนได้

เมนูของหวาน ‘บาคลาวา (Baklava)’

ทั้งนี้ ศิริลักษณ์ทิ้งท้ายว่า แม้ร้านจะเปิดมาถึง 22 ปี แต่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวต่างชาติ เป้าหมายตอนนี้คือ ต้องการทำให้คนไทยได้รู้จักอาหารกรีกและวัฒนธรรมของชาวกรีกมากขึ้น

Fact Box

  • ร้าน Olive Bangkok ตั้งอยู่ที่ ซอยเอกมัย 12 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ 11.00-21.00 น. (ปิดวันจันทร์) https://maps.app.goo.gl/Yu32cKrD4hu7BHKu8 

  • นอกจากร้าน Olive Bangkok ซอยเอกมัย 12 แล้วยังมีสาขาที่เซนทรัลฟู้ดฮอลล์ ในเซนทรัล ชิดลม สามารถแวะเวียนไปชิมขนมหวาน หรือจะสั่งเดลิเวอรีก็มีให้บริการเช่นกัน

  • สามารถสั่งโยเกิร์ตดิปและแป้งพิตา ได้ทางเว็บไซต์ https://www.olivebangkok.com/ 

Tags: , , , , ,