เป็นที่รู้กันดีว่า ‘อะโวคาโด’ คือซูเปอร์ฟู้ด (Super Food) ที่เต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย ทั้งในฐานะผลไม้ที่มีโปรตีนสูง มีไขมันประเภทดี (HDL) และมีไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่าย อีกทั้งรสชาติยังมีความหวานมัน เหมาะสำหรับทำเป็นเครื่องดื่มและอาหารได้หลากเมนู

ที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่านั้น คือเหตุใดผลไม้ที่อร่อยและมีประโยชน์เพียงนี้ กลับไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไรนัก อีกทั้งยังไม่ถูกนำไปเป็นวัตถุดิบของอาหารและเครื่องดื่มเมนูต่างๆ เท่าที่ควร

จากสาเหตุข้างต้น ทำให้ ​เพียงพลอย-รุจิยาทร โชคสิริวรรณ และบอม-วัชรพงษ์ ทองยาน ที่เป็นแฟนคลับเดนตายของผลไม้ชนิดดังกล่าว ฉุกคิดเปิดร้านเล็กๆ ในย่านอารีย์สัมพันธ์ 4 ที่ชื่อว่า ‘Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club’ ที่ภายในร้านเปี่ยมไปด้วยเมนูและเครื่องดื่มที่ทำมาจากอะโวคาโดแทบทั้งสิ้น

คอลัมน์ Out and About ชวนผู้อ่านไปสำรวจร้าน Specialty Avocado แห่งนี้ ที่กำเนิดมาจากแพชชันและตัวตนของเจ้าของร้านทุกตารางนิ้ว ตั้งแต่เมนู เครื่องดื่ม การตกแต่ง แม้กระทั่งการเลือกเพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศภายในร้าน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนำเสนอความแปลกใหม่ในการลิ้มรสชาติอะโวคาโด แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ก่อนจะมาเป็น Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club รุจิยาทรและวัชรพงษ์ คือเจ้าของร้านคาเฟ่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน รุจิยาทรมีงานประจำเป็น Food Writer ที่เขียนบทความเกี่ยวกับอาหารมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนวัชรพงษ์คือ Mixologist ที่หลงใหลการออกแบบเมนูเครื่องดื่มและอาหารด้วยความคิดสร้างสรรค์มาตลอด 

“ร้านที่เราทำอยู่เป็นร้านขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้มีเมนูสเปเชียลตี้ เป็นร้านที่เราขายกาแฟกับขนม และมีอาหารเสิร์ฟบ้างเท่านั้น จนวันหนึ่งพอเราโตขึ้น ก็เริ่มมีความคิดอยากจะทำให้ร้านมีความเฉพาะมากขึ้น เป็นร้านขนาดเล็กที่ดูแลลูกค้าได้ทั่วถึง และมีเวลาให้เราได้คิดออกแบบเมนูของตัวเองขึ้นมา”

“จนในตอนนั้นภาพของร้าน Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club เริ่มเข้ามาในหัวของพวกเรา” รุจิยาทรเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปิดร้าน

“สำหรับเหตุผลที่ต้องเป็นอะโวคาโด ก็เพราะมาจากความชอบของพวกเรานี่แหละ คือเราชอบกินอะโวคาโด กินแบบจริงจังเลยนะ กินทุกวัน”

“ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน เราแทบนึกภาพไม่ออกเลย กับการเปิดร้านอาหารที่มีอะโวคาโดอยู่ในเมนู อย่างมากก็จะเห็นอยู่แค่ในสลัดหรือซูชิ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมคนถึงไม่เอาอะโวคาโดมากินกัน” รุจิยาทรอธิบายต่อถึงคอนเซปต์ของร้านและสาเหตุที่นำอะโวคาโดมาปรุงเป็นวัตถุดิบ 

ส่วนคำว่า The Fruit Bar Club ที่พ่วงท้ายอยู่ในชื่อร้าน รุจิยาทรเฉลยว่า เกิดจากความตั้งใจที่อยากพัฒนาสูตรค็อกเทลของตน โดยสาเหตุที่ใช้ชื่อว่า The Fruit Bar คือค็อกเทลและเหล้าทุกตัวที่เสิร์ฟเป็น Fruit Liquor หรือเหล้าที่ทำมาจากผลไม้แทบทั้งสิ้น 

นอกจากนี้ การตกแต่งและการเลือกเปิดเพลงภายในร้านก็จะนำเสนอไปในแนวเพลงซิตี้ป็อป (City Pop) ที่ผสมผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่นและฮาวาย ตลอดของการนั่งอยู่ในร้าน เราจะได้ยินเพลงซิตี้ป็อปของศิลปินคลออยู่เป็นระยะ ทั้งทัตสุโระ ยามาชิตะ (Tatsuro Yamashita), มาริยะ ทาเคอุจิ (Mariya Takeuchi) และมิกิ มัตสึบาระ (Miki Matsubara) 

หากจะทำเมนูอะโวคาโดแบบที่เคยมีมา ลูกค้าย่อมคิดว่าฉันไปกินที่ร้านไหนก็ได้ ด้วยเหตุนั้น ทั้งสองคนจึงเริ่มคิดค้นเมนูอะโวคาโดใหม่ๆ ขึ้นมาด้วยตนเอง โดยเมนูแรกที่คิดออกมา และยังคงได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ คือข้าวกะเพราอะโวคาโดทอด 

“คือเราเอาอะโวคาโดไปทำเป็นแผ่นหนาๆ หมักกับเครื่องเทศกะเพรา แล้วนำมาทอด เพื่อกินคู่กับกะเพราหมูรสเผ็ด อะไรแบบนี้ 5 ปีก่อน เมนูนี้มันล้ำสมัยเปิดโลกใหม่มากเลยนะ คนมาทานเมนูนี้ที่ร้านเราก็มักจะถามเสมอว่า อะโวคาโดกินกับของคาวหรือทำเป็นเมนูอื่นได้ด้วยเหรอ ทำให้หลังจากนั้นเราก็ทยอยทำเมนูอื่นขึ้นมาเรื่อยๆ” รุจิยาทรอธิบาย

“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น การทำให้คนหันมากินอะโวคาโดเป็นเรื่องท้าทายอยู่ไม่น้อย ในช่วงแรกเราใช้เกณฑ์ว่าเมนูไหนผ่านไม่ผ่านจากการให้แม่เราชิม เพราะแม่เราเป็นคนไม่กินอะโวคาโดเลย อย่างเมนูอะโวคาโดสมูตตี้ที่ร้านไม่ได้ผสมกับนม แต่จะใช้น้ำผึ้งและมะนาวแทน เราก็ให้แม่ลองดื่มก่อนว่าผ่านไหม คือถ้าแม่ให้ผ่าน ทุกคนบนโลกก็จะให้ผ่าน (หัวเราะ) คือเมนูนี้มันดื่มง่ายจริงๆ อยากให้มาลองกัน” รุจิยาทรอธิบายถึงเมนูอะโวคาโดสมูทตี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูขายดีของร้าน 

สำหรับเมนูที่ Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club นำเสนอในวันนี้ เริ่มด้วยเมนู ‘Cheese Balls with Avocado Wasabi Mayo’ ชีสบอล ที่สอดไส้อะโวคาโดและวาซาบิมาโย ให้รสชาติเปรี้ยว หวานมัน เผ็ดปลายลิ้นน้อยๆ คู่กับความกรอบของชีสบอลได้อย่างลงตัว 

ส่วนเมนูไฮไลต์ต้องยกให้ ‘Avocado Pesto Rice with Hamburg & Curry’ ที่นำอะโวคาโดไปทำซอสเพสโตแล้วผัดกับข้าว เสิร์ฟคู่กับเนื้อแฮมเบิร์กที่ราดหน้าด้วยซอสแกงกะหรี่ พร้อมวางท็อปปิ้งด้วยไข่แดงดอง และหากมองจากมุมบน จะเห็นว่าเมนูนี้จัดวางคล้ายกับรูปทรงของผลอะโวคาโดไม่มีผิดเพี้ยน 

อีกเมนูหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับใครที่มา Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club ในช่วงเช้าคือ ‘Oh! Vacoda Fav Set’ เซ็ตอาหารเช้าที่มีทั้งไข่ดาว ไส้กรอก อะโวคาโด และวาฟเฟิล

แต่ที่ไม่ควรพลาดคือไอศกรีมนมอะโวคาโด ที่ส่วนตัวผู้เขียนชอบรสชาติหวานมันกลมกล่อมของเมนูนี้เป็นอย่างมาก 

‘ถ้าเป็นคนไม่ชอบรสชาติอะโวคาโด แล้วจะมากินที่ร้านOh! Vacoda & The Fruit Bar Club ได้หรือเปล่า’ คำถามนี้รุจิยาทรยืนยันว่าสามารถมากินได้แน่นอน เพราะบางเมนูก็ไม่ได้นำเสนอแค่อะโวคาโดเป็นวัตถุดิบหลัก แต่จะเป็นการนำอะโวคาโดไปผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ ทำให้กินง่ายสำหรับคนที่อยากลิ้มลองหรือเพิ่งเริ่มทานอะโวคาโด 

ทั้งนี้ รุจิยาทรยืนยันหนักแน่นว่าร้าน Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club ได้เลือกอะโวคาโดคุณภาพดี รสชาติหวานมัน กินแล้วไม่ขม ไม่รู้สึกเหม็นเขียว เพื่อเตรียมสร้างความประทับใจแก่ผู้อยากลองกินผลไม่ชนิดนี้เป็นครั้งแรก 

จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ปี ที่Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club อยู่คู่กับผู้คนย่านอารีย์สัมพันธ์ โดยรุจิยาทรเผยถึงสิ่งที่ได้จากการเปิดร้าน นั่นคือการได้สร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่ผู้คนได้มาใช้ชีวิต กล่าวคือนอกจากมาทานเมนูอะโวคาโดต่างๆ แล้ว หลายคนยังใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นที่พบปะสังสรรค์ นั่งทำงาน หรือกระทั่งจัดเวิร์กช็อปเล็กๆ ในบางครั้ง จนเธอรู้สึกว่าการเปิดร้านครั้งนี้สำเร็จแล้วกับการเป็น ‘บ้านอะโวคาโดเล็กๆ หลังหนึ่งของทุกคน’

Fact Box

ร้านOh! Vacoda & The Fruit Bar Club เปิดทุกวันพุธ-วันจันทร์ เวลา 11.00-01.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร) สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.facebook.com/ohvacodabkk

Tags: , , , , ,