‘กากี่นั้ง’ รูฟท็อปบาร์ของ ‘คนกันเอง’ ผลผลิตจากความหลงใหลในคราฟต์เบียร์ อาหารจีน และเสียงเพลง

ลองจินตนาการเล่นๆ ว่าหากคุณมีโอกาสได้สร้างสรรค์อะไรสักอย่างที่เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน งานศิลปะ หรือธุรกิจ คงเป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะที่จะได้ใส่ความเป็นตัวเอง ถ่ายทอดเรื่องราว ความทรงจำ หรือความชอบลงไปในสิ่งนั้น เช่นเดียวกันกับ ‘ทับทิม’ เจ้าของร้านกากี่นั้ง (Gaginang 家己人) ที่ได้นำเอารายละเอียดจากความหลงใหลและการเติบโตในฐานะลูกสาวของครอบครัวคนจีนมาบรรจุไว้ในผลงานชิ้นเอกของเธอ

‘กากี่นั้ง’ เป็นบาร์คราฟต์เบียร์ที่เปิดมาได้ 1 ปีกว่า ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของตึกแถวดีไซน์สะดุดตาตรงปลายสะพานอุษาสวัสดิ์ ริมคลองบางลำพู ตลอดทางเดินขึ้นไปที่บาร์ในแต่ละชั้นจะพบเจอกับข้าวของเครื่องใช้จีนโบราณถูกจัดวางตกแต่งพื้นที่อย่างสวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหลุดเข้าไปเป็นตัวแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ‘In The Mood For Love’ ของ หว่องกาไว (Wong Kar-Wai) ก็มิปาน จนเมื่อก้าวเท้าเหยียบพื้นที่ของร้านในช่วงย่ำค่ำ แดดจางๆ อากาศโปร่งสบาย และเสียงเพลงโฟล์กอินดี้ก็ลอยเอื่อยมาต้อนรับ ให้ความรู้สึกถึงช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์กินดื่มหลังเลิกงานที่รอคอยมาทั้งวัน

ก่อนเริ่มพูดคุยถึงที่มาและความเป็นไปของร้าน ทับทิมและพนักงานเสิร์ฟน้ำเก๊กฮวยเย็นๆ หนึ่งแก้วเพื่อดับกระหายและคลายร้อนจากการเดินเท้าขึ้นตึกมาถึง 4 ชั้น เธอเล่าว่าเป็น Welcome Drink ที่ลูกค้าทุกคนจะได้รับ ซึ่งมันได้ผลดีเยี่ยม และบทสนทนาก็เริ่มขึ้นจากความรู้สึกผ่อนคลายนั้น

ทับทิมแบ่งปันเรื่องราวว่าธุรกิจนี้เกิดขึ้นจากการที่ ‘ป๊า’ เกริ่นกับลูกๆ ว่ามีที่ทางเป็นตึกแถวอยู่บริเวณถนนพระสุเมรุว่างอยู่ หากลูกคนไหนมีไอเดียจะทำอะไรกับตึกนี้สามารถทำได้เลย ทับทิมที่มีความตั้งใจอยากจะสร้างธุรกิจบาร์คราฟต์เบียร์ของตัวเองจึงรับข้อเสนอนี้เอาไว้ และเริ่มสร้างกากี่นั้งขึ้นมา โดยมีของสนับสนุนเป็นเฟอร์นิเจอร์จีนโบราณที่คุณแม่สะสมเอาไว้มาตกแต่งภายในร้าน ซึ่งก็เข้าทางของเธอที่อยากจะทำร้านนี้ให้ออกมาในสไตล์จีนๆ ตั้งแต่ต้น

เป้าหมายในการสร้างบาร์นี้เป็นไปตามชื่อ ‘กากี่นั้ง’ คำภาษาจีนแต้จิ๋ว หมายถึง ‘คนกันเอง’ ทับทิมเล่าว่าเธออยากทำให้พื้นที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบของทั้งคนที่สนิทสนมกัน ไปจนถึงคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ได้เจอความชอบหรือจุดเชื่อมโยงเดียวกันจากการได้มากินดื่มและฟังเพลงด้วยกันที่บาร์แห่งนี้

พอได้เข้าใจคอนเซปต์ที่น่าสนใจของร้านแล้ว ผู้เขียนยิงคำถามต่อไปถึงความหลงใหลที่ทับทิมมีต่อคราฟต์เบียร์

เธอเล่าว่าแต่ก่อน เธอไม่ใช่คนที่ชอบออกไปดื่มหรือปาร์ตี้เท่าไร ไม่ใช่คนที่มีแนวโน้มจะผันตัวมาเป็นเจ้าของบาร์ที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จนกระทั่งได้รู้จักกับแฟนหนุ่มผู้มีความหลงใหลในคราฟต์เบียร์ อีกทั้งยังเปิดร้านอาหารฮ่องกงอยู่แถวย่านจตุจักร ทำให้เธอได้เปิดโลกการดื่มคราฟต์เบียร์ และหลงเสน่ห์ของมันในที่สุด

ทับทิมเสริมว่ามันเหมือนเวลาคุณชอบกินก๋วยเตี๋ยว คุณก็จะต้องไปเสาะหาร้านก๋วยเตี๋ยวหลายๆ ร้าน ไปลองหลายๆ สูตร เหมือนกันกับการเข้าสู่วงการคราฟต์เบียร์ของเธอ ที่พอได้ชอบแล้วก็เริ่มสนุกกับการศึกษามันให้ลึกขึ้น และเมื่อได้มีโอกาสเปิดบาร์ของตัวเองเธอก็อยากจะรวบรวมคราฟต์เบียร์มาไว้ในร้านให้ได้หลากหลายที่สุด เพื่อต้อนรับทั้งคนที่ชอบดื่มอยู่แล้วและคนที่อยากทำความรู้จักหรือลิ้มลองมันเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะสร้างชุมชนคนรักการกินดื่มให้เกิดขึ้น ทางร้านกากี่นั้งจึงพัฒนาโปรเจกต์ชื่อ ‘Beer & Hear’ ขึ้นมา โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท มาร์ดี คราฟท์ จำกัด (Mardi Craft Brewing Co.) กลุ่มผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายใหญ่ของไทยมาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์จัดงานคอนเสิร์ตที่มีธีมเป็นการจับคู่คราฟต์เบียร์เข้ากับแนวดนตรี เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาทำความรู้จักกันผ่านเครื่องดื่มและเสียงเพลง ซึ่งหลังจากการจัดไปได้ 2 ครั้ง ก็ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม และดันให้กากี่นั้งเป็นที่รู้จักของคอคราฟต์เบียร์มากขึ้น

และเมื่อมีเครื่องดื่ม สิ่งที่ต้องมาคู่กันคือกับแกล้ม

อาหารที่ร้านกากี่นั้งทั้งหมดเป็นเมนูอาหารจีนที่ถูกปรับให้มีรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย ทางร้านจึงไม่ขอเคลมว่าเป็น ‘อาหารจีนดั้งเดิม’ เพราะมีการเปลี่ยนสูตรอยู่หลายครั้ง จนได้ออกมาเป็นรสชาติที่จะเข้ากับการกินคู่กับเบียร์มากที่สุด และอีกหนึ่งกิมมิกที่ทางร้านตั้งใจใส่เข้าไปในขั้นตอนการเลือกเมนูอาหารทั้งหมด คือเมนูในร้านกากี่นั้งจะต้องเป็นอาหารจานกลางที่ทุกคนในโต๊ะแบ่งกันกินได้ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอวัฒนธรรมการกินข้าวร่วมกันของครอบครัวคนจีนให้ชาวลูกค้าชาวต่างชาติได้สัมผัส และสร้างบรรยากาศของคำว่า ‘คนกันเอง’ ให้ชัดขึ้น

เมนูที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ The Momentum ได้ลิ้มลองวันนี้ ประกอบด้วย 

หมูแดงสไตล์ฮ่องกง ที่หวานฉ่ำนุ่มหอม มันแทรกเนื้อกำลังพอดี และกินได้เปล่าๆ โดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม 

ไก่ทอดฉงชิ่ง รสชาติจัดจ้าน เต็มรสพริกหม่าล่า ที่ทางร้านเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้มีความตั้งใจจะทำตามสูตรต้นตำรับของฉงชิ่งที่ใช้เนื้อไก่ส่วนที่มีกระดูกติดมาด้วย แต่ด้วยความที่อยากให้ลูกค้าคีบกินได้อย่างลื่นไหล จึงเปลี่ยนมาใช้เนื้อไก่ไม่มีกระดูกแทน

ผัดหมี่ฮ่องกง เมนูเผ็ดน้อยกินง่าย ที่ผัดมาแบบไม่มันและไม่แห้งเกินไป แต่ยังคงความเข้มข้นของรสชาติเอาไว้ 

หมึกทอดคั่วพริกเกลือสไตล์ฮ่องกง เมนูที่ใช้เวลาอยู่บนโต๊ะน้อยที่สุด เพราะความเค็มหวาน หอมกระเทียม ทำให้คีบเข้าปากได้อย่างไม่หยุดมือ จนต้องสั่งซ้ำอีกหลายครั้ง 

เกี๊ยวปลาท่าฉลอม ความพิเศษของเมนูนี้คือเบื้องหลังและที่มาของมัน เนื่องจากตัวเจ้าของร้านได้ทำการศึกษาหาข้อมูลของกินเล่นแบบไทยๆ จนไปสะดุดใจกับเกี๊ยวปลาทอด และได้รู้ว่าท่าฉลอมเป็นพื้นที่ที่มีคนจีนอาศัยอยู่มาก ตรงกับความเป็นกากี่นั้ง จึงได้สั่งเกี๊ยวปลาที่ผลิตในท่าฉลอมมาขายเป็นเมนูของกินเล่นชูโรงในร้าน

นอกจากอาหารรสชาติเยี่ยมและคราฟต์เบียร์หลากหลายยี่ห้อในร้าน กากี่นั้งยังใส่ใจไปถึงเมนูกับแกล้มเล็กๆ อย่างถั่วทอด เผือกทอด หมูแผ่น และกล้วยทอด 

เจ้าของร้านเล่าว่า ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า ใกล้กับถนนข้าวสาร ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งทางร้านมีความตั้งใจอยากให้ลูกค้าเหล่านี้ได้เห็นว่าคนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คู่กับอะไรได้บ้าง จึงทำการลงพื้นที่บริเวณตลาดในย่านใกล้เคียงและรับเอาขนมเหล่านี้จากชาวบ้านมาขายเพื่อสนับสนุนคนในชุมชน 

ก่อนจากกัน ผู้เขียนทิ้งคำถามสุดท้ายไว้กับทับทิมว่า ความตั้งใจที่จะทำให้ ‘กากี่นั้ง’ เป็นจุดนัดพบของ ‘คนกันเอง’ นั้น สำเร็จถึงจุดไหนแล้วในมุมมองของเธอ 

ทับทิมตอบว่าเธอได้เห็นเรื่องราวมากมายในทุกๆ วัน ที่ทำให้เธอใจฟูได้ในฐานะเจ้าของร้านแล้ว เธอได้เห็นลูกค้าชาวต่างชาติที่ต่างคนต่างมานั่งคนเดียว เริ่มขยับไปถามกันว่า ‘คุณดื่มเบียร์ตัวไหน’ ‘รสชาติเป็นอย่างไร’ และจบด้วยการนั่งดื่มด้วยกัน เธอได้เห็นแก๊งเพื่อนมานัดสังสรรค์กันหลังเลิกงาน กินดื่มพูดคุยกันอย่างออกรส ลูกค้าและพนักงานในร้านแลกเปลี่ยนพลังงานที่ดีให้แก่กัน จากลูกค้าขาจรกลายเป็นลูกค้าประจำ จึงสามารถพูดได้ว่าความตั้งใจในตอนต้นที่คิดจะสร้างร้านกากี่นั้ง เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้ว

หากใครสนใจอยากสัมผัสบรรยากาศบาร์สไตล์จีน จิบคราฟต์เบียร์ดีๆ เคล้าเสียงดนตรี พลางมองวิวเจดีย์วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร สามารถแวะเวียนตามข้อมูลด้านล่าง