ย้อนกลับไปวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น วัดแรงสั่นสะเทือนได้ขนาด 9.0 ตามมาตราริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ (โทโฮกุ) ของคาบสมุทรโอชิกะ ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตร นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงเป็นอันดับ 4 ของโลก เท่าที่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 1900

แผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 6 นาที นครใหญ่ที่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่สุดคือ เซ็นได บนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะหลักของญี่ปุ่น อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว 130 กิโลเมตร ส่วนกรุงโตเกียวอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว 373 กิโลเมตร และมีรายงานแผ่นดินไหวตามอีกหลายร้อยครั้ง ในครั้งแรกสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) รายงานความรุนแรงของแผ่นดินไหวอยู่ที่ 7.9 ตามมาตราริกเตอร์ แต่ปรับเพิ่มเป็น 8.8 และ 8.9 อย่างรวดเร็ว และปรับเพิ่มอีกครั้งเป็น 9.0 ตามมาตราริกเตอร์

ภายหลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่สร้างความเสียหายตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของหมู่เกาะตอนเหนือของญี่ปุ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน หลายเมืองถูกทำลายราบ และมีการออกคำเตือน รวมถึงคำสั่งอพยพในหลายประเทศที่ติดมหาสมุทรแปซิฟิก

นอกจากนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวยังทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ 1 และ 2 ถูกคลื่นสึนามิซัดทำลายระบบกำเนิดไฟฟ้าดีเซลสำรอง จึงเกิดปัญหาในการลดความร้อน และทำให้เกิดระเบิด 2 ครั้ง ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ 1 ส่งผลให้กัมมันตภาพรังสีในบริเวณรอบข้างมีระดับสูงขึ้น และทำให้ประชาชนกว่า 2 แสนคนในบริเวณใกล้เคียงต้องอพยพหนี

ธนาคารโลกประมาณการความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ อยู่ระหว่าง 1.22-2.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่ามูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิอาจมีมูลค่าสูงถึง 3.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้เป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 9,408 ราย สูญหาย 14,716 คน และได้รับบาดเจ็บ 2,746 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนมาก

Tags: , ,