ย้อนกลับไปวันที่ 2 สิงหาคม 2562 เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่สำคัญหลายแห่งของกรุงเทพมหานคร อาทิ สถานีช่องนนทรี ใกล้กับคิง เพาเวอร์ มหานคร, ย่านพระรามเก้า, ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร, กองบัญชาการกองทัพไทย และภายในร้านมินิโซ สาขาสยามสแควร์วัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย โดยเหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้กับช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่จัดขึ้นในตัวเมือง

การสอบสวนเบื้องต้นจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติระบุว่า การโจมตีอาจเชื่อมโยงกับการขยายปฏิบัติการโดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำฝ่ายค้าน แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแถลงว่า ผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่โจมตีแบบเดียวกันใน 7 อำเภอภาคใต้ เมื่อปี 2559

ทั้งนี้ ลำดับเหตุการณ์ดังกล่าวคือ เวลา 04.45 น. เกิดเหตุระเบิดเล็กน้อยที่ที่ร้านมินิโซ (Miniso) ในศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เขตปทุมวัน ซึ่งระเบิดถูกยัดไว้ในตุ๊กตาจากการ์ตูนซีรีส์ 3 หมีจอมป่วน ส่งผลให้ชั้นวางและสินค้าในร้านพังเสียหาย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากร้านยังไม่เปิด

ต่อมา เวลา 07.00 น. มีการแจ้งเหตุระเบิด 4 ลูก โดยระเบิด 2 ลูกแรกได้จุดชนวนที่หน้าทางเข้าศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ลูกที่ 3 หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย และลูกที่ 4 ถูกปลดชนวนโดยเจ้าหน้าที่อีโอดีที่อาคารบี ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร และไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

กระทั่งเวลา 08.00 น. มีการจุดชนวนระเบิด 2 ลูกที่หน้าสถานีช่องนนทรี และบริเวณทางเข้าคิง เพาเวอร์ มหานคร ตามมาด้วยรายงานการพบวัตถุต้องสงสัยด้านหน้าทางเข้ารถไฟฟ้าบีทีเอส ตำรวจท้องที่จึงทำลายวัตถุระเบิดต้องสงสัยด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูง มีรายงานผู้บาดเจ็บ 2 ราย แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และเวลา 08.50 น. เกิดระเบิดลูกที่ 7 ในย่านพระรามเก้า จุดนี้มีผู้บาดเจ็บ 4 รายและบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ก่อนที่จะมีรายงานการพบวัตถุต้องสงสัยอีกตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้ ภายหลังเหตุการณ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประณามผู้ที่วางแผนโจมตีและทำลายความสงบเรียบร้อยของประเทศ ขณะที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้ก่อความไม่สงบพยายามสร้างสถานการณ์ในช่วงการจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เช่นเดียวกับ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ระบุว่า แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดและวางเพลิงป่วนกรุงน่าจะมาจากต้องการดิสเครดิตรัฐบาลในช่วงเวลาดังกล่าว

ส่วนทางด้าน พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เหตุจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะการโจมตีแบบเดียวกันใน 7 อำเภอภาคใต้ เมื่อปี 2559 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 37 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 11 ราย ขณะที่ฝั่งฝ่ายค้านเชื่อว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนต่อภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ของรัฐบาลในปัจจุบัน

ภายหลังเกิดเหตุ นายกรัฐมนตรีแถลงว่าสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 9 คน ขณะที่ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าทีมสืบสวนคดีระเบิด กทม. ระบุว่า ในการสืบสวนพบว่าน่าจะมีผู้ก่อเหตุราว 15 คน แต่บางคนหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้ ผ่านมา 3 ปี ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ามูลเหตุและเบื้องหลังของการระเบิดครั้งนั้นคืออะไร

Tags: , ,