ประมาณ 1 ปีที่แล้วที่เราเริ่มสร้างแบรนด์นี้ เดิมเราเปิด One Ounce for Onion สาขาที่ 2 ภายในช่างชุ่ย และมีแผนที่จะย้ายออกจากช่างชุ่ย เรามองหาสถานที่ใหม่ เราเลยคิดว่าอยากแก้ไขจุดที่เราทำได้ไม่ดี และทดลองคอนเซปต์ใหม่ เลยกลายเป็น OOObkk เราพยายามทำโปรดักส์ให้ดี แต่เรากลับสื่อสารกับลูกค้าได้ไม่ดีพอ คุยกันคนละภาษา เราอยากย่อยให้ง่ายขึ้น สื่อสารได้ง่ายขึ้น เข้าใจได้ดีขึ้น เลยกลายเป็นความประนีประนอมกับลูกค้า แต่ก็ยังโฟกัสกับโปรดักส์ให้อยู่ในคุณภาพที่ดีคุณฟ้า – นิโรธา วีรธรรมพูลสวัสดิ์ หนึ่งในหุ้นส่วนของ One Ounce for Onion ที่ดูแล OOObkk เล่าถึงจุดเริ่มต้น

เรารู้จักกับ Espressoman มานาน พอดีพี่ตู๋ต่อพงศ์ ตันตราภรณ์ ชอบการทำงานของทีมเรา เห็นความตั้งใจทำโปรดักส์และเซอร์วิสที่ดีของทีมเรา แกเลยชวนมาดูสถานที่ ตอนแรกที่นี่เป็นร้านอาหารตามสั่ง แต่ว่าเป็นร้านที่หน้ากว้าง ซึ่งเหมาะกับเรา ตัวเองไม่ถนัดทำร้านหลายชั้น คิดไม่ออกว่าจะเสิร์ฟชั้น 2-3 อย่างไร เลยชอบแบบที่มองเห็นได้กว้างๆ มากกว่า และด้วยพื้นที่น่าสนใจเป็นซอกตึกเก่า เออ รู้สึกว่าดี และเห็นได้ง่ายอยู่กลางสามแยก หลังจากเราเคยบอกทางยากกับร้านที่เอกมัยมาตลอด 5 ปี คิดว่าดูเป็นไปได้ เลยเริ่มเรียนรู้ว่าอะไรเราทำได้ดีและอะไรไม่ดีจากโปรเจกต์เก่า เราว่าสิ่งที่เราทำได้ดีคือการพัฒนาโปรดักส์ และครีเอทีฟเมนูคุณฟ้าพูดถึงการจับมือกับคุณตู๋ และสาเหตุของการเลือกโลเกชันนี้ 

ความน่าสนใจของ OOObkk อยู่ที่โลเกชัน หากมองย้อนไปสาขาช่างชุ่ยก็มีความเป็นไปได้ที่ร้านอาจจะพ่ายแพ้อีกครั้ง แต่คงไม่ใช่ตอนนี้เพราะย่านนี้กำลังเป็นทำเลทองของคาเฟ่และร้านกาแฟที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ที่สำคัญการเรียนรู้ความผิดพลาดในอดีตทำให้ OOObkk ไม่ได้ทำอะไรที่สวนกระแส แต่ทำให้ดีและเล่นตามน้ำแบบแอบใส่ปรัชญาของตัวเองให้ลูกค้าแบบไม่ยัดเยียด เรียกว่าเนียนโคตรๆ กับคอนเซปต์ “Non Boundary Experience” ที่ไม่มีพรมแดนระหว่างบาริสต้า เชฟ และลูกค้าอีกต่อไป เพราะตั้งใจให้เป็นคาเฟ่ที่ใครก็มาได้ ไม่ว่าจะจริงจังเรื่องกาแฟ หรือต้องการเพียงเอสเพรสโซ่เย็น

ที่นี่เราออกแบบให้สำหรับคนที่กินกาแฟและไม่กินกาแฟ จะเห็นว่าผสมความเป็นสเปเชียลตี้กับคนที่ดื่มกาแฟทั่วไป คนทั่วไปอยากดื่มโกโก้ก็มีให้ มีบอดี้เข้มๆ ของช็อกโกแลต หรืออยากดื่มช็อกโกแลตลึกๆ เราก็มีช็อกโกแลตของ Shabar ที่มีความเป็นกล้วยตากและฟรุตตี้ แล้วก็มีชาจาก TE ให้มีความหลากหลายของเมนู เราวางที่นี่ผสมกันระหว่างความสเปเชียลลิสต์และความไม่ต้องคิดอะไรเลย แต่ละประเภทเมนูก็จะมีทั้งเข้าใจง่ายและเมนูที่อยากทดลอง อาหารก็เหมือนกันมีทั้งที่ให้ประสบการณ์กับอาหารเข้าใจง่ายคุณฟ้าย้ำถึงจุดยืนของแบรนด์

Carrot Cake กับ Dirty Coffee

สำหรับเมล็ดกาแฟของ OOObkk มีให้เลือก 3 แบบ เมล็ดแบบแรกเป็นเบลนด์ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสฟรุตตี้และไม่ดื่มกาแฟเข้ม ใช้เอธิโอเปียผสมกับโคลอมเบีย ส่วนคนที่ชอบกาแฟกลางๆ ไม่ชอบรสเปรี้ยว ทางร้านเตรียมกาแฟที่มีความนัตตี้ไว้เป็นเมล็ดไทยซิงเกิ้ลออริจินจากดอยสามหมื่น และเมล็ดกาแฟบราซิลคั่วเข้ม สำหรับคนดื่มคาปูเย็นและเอสเย็นที่ต้องการบอดี้ กลิ่นช็อกโกแลต และคาราเมล 

Coffee Cream Shake

ด้วยความที่เราทำกาแฟมาตลอด เราพยายามเล่าให้คนที่มาดื่มฟังในฐานะคนทำกาแฟว่าไม่มีเอสเพรสโซ่เย็น คาปูชิโน่เย็นอาจจะไม่มีฟองนมร้อนด้านบน เพราะทำให้กาแฟชืด แต่พอเราอยู่กับลูกค้ามานานเราก็สัมผัสได้ว่าลูกค้าต้องการสิ่งนั้น มีความสุขกับสิ่งที่ได้รับ เขาอยากได้กาแฟเข้มกับนมที่เขากลับออกไปแล้วมีความสุขกับรสชาตินั้น แต่เราจะพยายามยัดเยียดชุดความคิดของเราให้เขาทำไม เราเลยคิดว่าเราเป็นคนทำก็มีหน้าที่พัฒนาโปรดักส์ให้มีคุณภาพดีผ่านการตีความของเรา เราจึงเสนอไอเดียของเราไปในทางอ้อมแทน คนมาจะเห็นว่ามีเอสเย็น คาปูเย็น แต่เอามาปรับ เช่นเอสเย็น คนต้องการความเข้มและกลิ่นหอม เราไม่ใช้นมข้น เราใช้น้ำตาลมะพร้าวแทน เพื่อให้คนกินไม่เขินเมื่อสั่ง คาปูเย็น แทนที่จะท๊อปโฟมนมร้อนๆ เราเอาไปทำครีมคาปูขึ้นมา สัดส่วนของนมและมีครีมนิดนึงให้มีความฟูขึ้นมา แล้วใส่ช็อตกาแฟให้เป็นโฟมกาแฟไปเลยนี่คือโซลูชั่นที่ OOObkk ประนีประนอมกับคนดื่มกาแฟ

Coffee Granita & Lemon with Meringue

Korean Pizza

เมนูแนะนำ ‘Coffee Cream Shake’ กาแฟแช่แข็งปั่นใส่ด้วยครีมกาแฟ ให้ความเข้มข้นของกาแฟโดยไม่มีน้ำแข็งมาเจือจาง ‘Coffee Granita & Lemon with Meringue’ น้ำแข็งไสรสกาแฟกับกลิ่นหอมและรสหวานของน้ำผึ้ง เผาหน้าด้วยเมอแรงก์ไหม้ๆ หรือจะลอง ‘Dirty Coffee’ ช็อตเอสเพรสโซ่บนนมเย็น

Local Mussels with Garlic Bread

ส่วนอาหารที่นี่ยังคงได้เชฟแทนภากร โกสิยพงษ์ เชฟเจ้าของร้าน Ekamian ที่ช่วยดูแลอาหารทั้งหมดของ One Ounce for Onion มารับหน้าที่คิดเมนูอาหาร ซึ่งคราวนี้เชฟแทนยังคงอาหารแบบ Multicultural Cuisine แต่ทำให้ง่ายและเห็นภาพมากขึ้น อาทิ ‘Vegetarian Toast’ ขนมปังหน้าเปิดที่เชฟเลือกใช้ขนมปังบริยอชของ Conkey ทาด้วยทาร์ทาร์บีทรูทดองเพื่อขจัดกลิ่นดินๆ ‘Korean Pizza’ ที่ใช้แป้งต๊อกปกกีมาทำนาบกับเนยให้หอมกรอบ เปลี่ยนเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มเป็นกรอบ ผัดกับซอสโบลองเนสที่ใช้ซอสโคชูจังแทนมะเขือเทศ ใส่กิมจิ เบซิล มาสคาโปนชีส และชิพพาร์เมซาน โดยเชฟแอบใส่น้ำปลาเชื่อมรสชาติฝรั่งกับเกาหลีเข้าด้วยกัน ‘Local Mussels with Garlic Bread’ หอยแมลงภู่จากสุราษฎ์ธานีอบไวน์ขาว และ ‘Chinese Fried Chicken with Side of Bao’ เชฟแทนบอกว่าทุกชาติมีไก่ทอดเป็นของตัวเอง เชฟเลยอยากทำไก่ทอดของตัวเอง เชฟเอาไก่ไปต้มให้สุกก่อนแล้วเอามาทอดให้กรอบ ราดด้วยไชนีสเพสโต้ที่เชฟใช้สมุนไพรจีน ใส่ต้นหอม ขิง หอมแดง และงาเข้าไปเพิ่มกลิ่นรส ซึ่งต่างจากที่เคยทำที่ช่างชุ่ย เชฟตั้งใจทำให้คล้ายข้าวมันไก่เซี่ยงไฮ้ เสิร์ฟพร้อมหมั่นโถว

Chinese Fried Chicken with Side of Bao

และของหวานเชฟบอกว่าไม่ได้ทำเองเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถนัดแต่ให้ไอเดียกับเชฟเบเกอรี ‘Banana Bread’ บานาน่าเบลดที่แอบใส่ครัมเบิ้ลตีรวมไปด้วยกับพีนัทบัตเตอร์และอัลมอนด์คาราเมล อีกอย่างเป็น ‘Carrot Cake’ เชฟแอบใส่ขิงและส้มลงไปในแครอทที่ตุ๋นด้วยกันเพื่อสร้างรสชาติให้แครอท ตามด้วยครีมชีส 

Vegetarian Toast

ใครเคยติดใจ One Ounce for Onion สาขาช่างชุ่ย บอกเลยว่านี่คือ อวตาร ที่เป็นมิตรขึ้นกับทุกคน ใครอยากกินแบบไหนสั่งเลย ไม่ต้องอาย เพราะประสบการณ์ที่ดีมันไม่มีพรมแดน

Fact Box

  • OOObkk ซอยลาดพร้าว 94 ใกล้ทาวน์อินทาวน์ เปิดบริการ จันทร์-ศุกร์ 8.00-19.00 . เสาร์-อาทิตย์ 8.00-20.00 . โทร.098-812-4649 www.facebook.com/ooobkk
Tags: