หลังการเปิดตัวนิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ (All NEW Nissan ALMERA 1.0 TURBO) ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ต้องบอกว่ามันหล่อมากๆ ด้วยดีไซน์ใหม่หมด แถมเครื่องยนต์ตัวใหม่เป็นเทอร์โบนั้นก็น่าสนใจ แม้ว่าจะเป็นรถอีโคคาร์ก็ตาม 

คล้อยหลังไม่นานทางฮอนด้า เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบเช่นกัน ส่วนหน้าตาแม้จะโฉมใหม่ แต่เราคิดว่าก็ไม่ค่อยหนีดีไซน์ที่คุ้นเคยของฮอนด้า ซิตี้ในรุ่นก่อนหน้านี้มากนัก 

อย่างไรก็ตาม ก็เกิดกระแสเปรียบเทียบระหว่างสองรุ่นนี้ไม่ได้ เพราะถือเป็นการชนกันเต็มๆ ในตลาดรถอีโคคาร์ หากแต่มีความแตกต่างในรายละเอียดอยู่บ้าง เช่น นิสสัน อัลเมร่า ดูจะให้ออปชั่นมาเต็มกว่า ส่วนฮอนด้า ซิตี้ จะได้เครื่องยนต์เทอร์โบที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า มากกว่าอัลเมร่าซึ่งอยู่ที่ 100 แรงม้า แต่ที่ทำให้คนจะซื้อรถอีโคคาร์ลังเลคือเรื่องของราคาที่ต่างกัน 1 แสนบาทแบบเป๊ะๆ ในรุ่นท็อปสุด กล่าวคือนิสสัน อัมเมร่า รุ่นท็อปอยู่ 637,000 บาท ส่วน ฮอนด้า ซิตี้อยู่ที่ 737,000 บาท

เพราะที่สุดแล้วไม่ใช่แค่ในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน รูปลักษณ์ภายนอก สมรรถนะของเครื่องยนต์ และศูนย์บริการเท่านั้น หากแต่ราคาที่ต่างกัน 1 แสนบาท ก็ทำให้หลายคนเกิดอาการลังเล ว่าจะยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อความสบายใจแบบฮอนด้า หรือจ่ายถูกหน่อย เก็บส่วนต่าง 1 แสนไปทำอย่างอื่น แล้วซื้อนิสสัน อัลเมร่า มาไว้ครอบครอง

ส่วนกระแสในอินเทอร์เน็ต ก็เกิดการถกเถียงและเปรียบเทียบกันระหว่างทั้งสองรุ่นว่ายี่ห้อไหนดีกว่าคุ้มว่ากัน ซึ่งทางผู้บริหารนิสสัน ก็ได้บอกว่า เป็นความตั้งใจส่วนหนึ่งที่อยากให้หลังจากนิสสัน อัลเมร่า ใหม่ออกไปแล้วเกิดเป็นกระแสเปรียบเทียบกับฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เช่นกัน 

เรามีโอกาสได้ลองขับ นิสสัน อัลเมร่า ตัวใหม่ โดยใช้เส้นทางภูเก็ต-พังงา ระยะทางรวม 250 กิโลเมตร เริ่มต้นจากโรงแรมพูลแมน ภูเก็ต อาคาเดีย เป็นเส้นทางตรงยาวๆ ไปถึงหาดสน เขาหลัก จังหวัดพังงา ระยะทางช่วงแรกกว่า 100 กิโลเมตร ส่วนเส้นทางครึ่งหลังขับกลับจากหาดสนกลับโรงแรม ใช้อีกเส้นทางหนึ่งที่จะมีช่วงขึ้นเขาและทางโค้งเยอะกว่า

แรกพบแน่นอนมันหล่อด้วยดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ดูดีมากกว่าเป็นแค่รถอีโคคาร์ ภายในก็ดีไซน์ให้ดูโมเดิร์นในระดับหนึ่ง เป็นสีทูโทนดำครีม ตรงคอนโซลรถใช้วัสดุเป็นหนังสังเคราะห์แบบนุ่ม ส่วนที่นั่งเป็นเบาะผ้า ไม่ใช่หนัง แต่ว่านั่งแล้วก็ให้ผิวสัมผัสที่ดีพอตัว จอเป็นขนาด 8 นิ้ว แบบระบบสัมผัส เชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ บลูทูธ ได้หมด พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชัน คือดูรวมๆ แล้วลงตัว มีลูกเล่นเยอะพอสมควร

ส่วนสมรรถนะการขับขี่ในช่วง 100 กิโลเมตรแรก ที่เป็นทางตรงยาวๆ ไปหาดสน พบว่าพวงมาลัยเบากว่าที่คิด แต่ก็ยังรู้สึกว่าควบคุมรถได้ดี ด้วยเครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ เราสามารถเหยียบเร่งแซงได้สบายๆ ขับทางตรงยาวๆ ไม่เมื่อยเท้า อัตราเร่งมาไว ถ้าใครเท้าหนักเหยียบเพลินๆ อาจไม่รู้ตัวกว่าขับเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนช่วงล่างเซ็ตมาดี นิ่งในความเร็วทั่วไปถ้าไม่เกิน 120 แต่ถ้าหลังจากนั้น พบว่ามีโยนๆ บ้าง แต่ไม่ได้แย่อะไร

เส้นทางนี้มีบางช่วงทำการก่อสร้าง พอขับมาด้วยความเร็วสูงๆ แล้วได้ลองเบรกระยะกระชั้นชิดก็พบว่าระบบเบรกทำงานได้ดี รถไม่ได้เหวี่ยงออกไปมากนัก แต่ยังมีระบบเบรกฉุกเฉินอัจริยะ (IEB) ใส่มาให้ด้วย เรียกว่าช่วยเพิ่มความมั่นใจอีกระดับหนึ่ง

ซึ่งในช่วงเส้นทาง 100 กิโลเมตรหลัง เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งบ้าง ก็ยังทำได้ดีพอควร การเร่งแซงบางจังหวะที่เป็นถนนสองเลนสวนกันก็ไม่ต้องรอรอบเครื่องนาน คือถ้าคิดจะแซง คุณเหยียบแซงได้เลย การเข้าโค้งทำได้ดี แต่ด้วยความที่รถค่อนข้างเบาก็อาจจะต้องระวังเวลามาด้วยความเร็วสูงๆ แล้วต้องเข้าโค้ง 

ส่วนประกอบอื่นๆ เช่นการเก็บเสียง พบว่า เสียงภายนอกเล็ดลอดเข้ามาไม่เยอะมาก เช่นพวกเสียงรถยนต์คันอื่น จะไม่ค่อยมีเข้ามานัก ยกเว้นแต่เสียงลมที่มีเข้ามาบ้าง แต่นั่นก็อาจเพราะคุณขับด้วยความเร็วสูง ถือว่าเป็นรถที่มีห้องโดยสารเงียบใช้ได้ 

เรื่องที่สำคัญที่สุดอย่างอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งทางนิสสันให้ตัวเลขมาอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร แต่ก็อาจจะต้องขับในความเร็วเฉลี่ย 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนถ้าขับเร็วกว่านั้น ตัวเลขการประหยัดน้ำมันอาจลดลงมาหน่อย 

โดยสรุปนิสสัน อัลเมร่า ใหม่ เป็นอีโคคาร์ที่ดีรุ่นหนึ่ง ในราคาเท่านี้ แต่ได้ทั้งหน้าตา ฟังก์ชั่น และสมรรถนะการขับขี่ที่ดี แม้จะเป็นรถออกแบบมาให้ใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ถ้าจะขับไปต่างจังหวัด ไปกันทั้งครอบครัวหรือมีสัมภาระท้ายรถ ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากยากเย็น มันไปได้แบบสบายๆ ฟังก์ชั่นที่นิสสันให้มาที่เน้นหนักไปในเรื่องความปลอดภัยอย่างระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนด้านหลังขณะถอย ระบบเตือนการชนด้านหน้า กล้องมองรอบคัน ระบบเตือนวัตถุรอบตัวรถ และถุงลมนิรภัย 6 จุด ก็นับว่าเป็นความคุ้มค่าที่มีมาให้มากๆ แล้ว 

Tags: ,