ตั้งแต่มนุษย์ได้สร้างยาเสพติดขึ้นมาบนโลก มันก็ไม่เคยหายไป ซ้ำการเสพยาเสพติดทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ตลอดระยะวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา สงครามยาเสพติดระหว่างตำรวจและกลุ่มพ่อค้ายาจึงดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น

เมื่อ Netflix หยิบเรื่องราวของเจ้าพ่อค้ายามาสร้างซีรีส์ แน่นอนว่าคงจะหนีไม่พ้นชื่อของเจ้าพ่อค้ายาที่โด่งดังที่สุดในยุค 80s อย่าง พาโบล เอสโคบาร์ เขาค้ายาเสพติดจนรวยขนาดติด 1 ใน 10 คนรวยที่สุดในโลกจากนิตยสาร Forbes โดยมีทรัพย์สินกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์

ปฐมบทของ Nacos ซีซั่น 1 และ 2 จึงเป็นเรื่องราวของเขา ราชาผงขาวจากโคลอมเบีย จวบจนกระสุนปืนถูกฝังลงไปในร่างทำให้ชีวิตของพาโบลดับสูญ แต่ในเมื่อยาเสพติดยังคงมีอยู่อย่างไม่เสื่อมความนิยม Narcos ซีซั่น 3 จึงไปเริ่มและจบลงที่แก๊งค้ายาซึ่งอยู่ในยุคเดียวกันอย่างแก๊งกาลี พวกเขาเถลิงอำนาจมากกว่าเก่าหลังพาโบลตาย และกลายเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดคนใหม่

หลังจาก Narcos ซีซั่น 3 จบ ทีมงานก็ปิดฉากการค้ายาเสพติดที่โคลอมเบียไปเพียงเท่านั้น และมุ่งหน้าสู่การสำรวจต้นกำเนิดของสงครามยาเสพติดสมัยใหม่ของประเทศเม็กซิโก  ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เริ่มต้นในช่วงปี 1980

ในขั้นตอนการถ่ายทำ Narcos ซีซั่น 4 หรือ Narcos: Mexico การ์โลส มุนโญส ปอร์ตัล หนึ่งในทีมงานผู้รับหน้าที่หาทำเลถ่ายทำได้ถูกยิงเสียชีวิตในเมืองเล็กๆ ของรัฐอีดัลโก ประเทศเม็กซิโก พื้นที่ที่มีอัตราการการฆาตกรรมสูงที่สุดในประเทศ เหตุผลของการฆาตกรรมนั้นไม่แน่ชัด แต่นี่คือการสูญเสียครั้งใหญ่ และย้ำเตือนเราว่าพื้นที่เหล่านั้นยังคงอันตรายมากแค่ไหน

อดีตตำรวจกลายเป็นราชายาเสพติด

และในที่สุด ประวัติศาสตร์การค้ายาเสพติดของเม็กซิโกก็ได้เผยโฉมสู่สายตาผู้ชม เรื่องราวเกิดขึ้นในยุคสมัยที่มีการซ้อนทับกันระหว่างกัญชากับโคเคน ซีซั่นนี้เราจะได้พบกับ กิกิ กามาเรนา เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดชั้นผู้น้อยที่ย้ายมาประจำเม็กซิโก เพื่อหวังว่าหน้าที่การงานจะก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม และ มิเกล อังเคล เฟลิกซ์ กาญาร์โด อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กลายมาเป็นผู้นำแก๊ง ‘กวาดาลาฮารา’ (Guadalajara)

ในทีแรก เฟลิกซ์เริ่มต้นธุรกิจจากการค้ากัญชา เขาผันตัวเข้าไปสู่การผลิต ขนส่ง และจัดจำหน่าย ด้วยแผนการใหญ่คือการสร้างอาณาจักรยาเสพติดที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เขาค่อยๆ ผูกขาดการทำธุรกิจทีละน้อย โดยการรวบรวมแก๊งหลายแก๊งเข้าด้วยกัน ดึงทุกคนมามีส่วนร่วมเพื่อสร้างเครือข่าย และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือธุรกิจที่ดำเนินไปได้ด้วยดี พวกเขาทำเงินเป็นกอบเป็นกำ มีความเป็นอยู่อย่างราชา มีเส้นสายในหน่วยงานราชการ และไม่ต้องเกรงกลัวใครหน้าไหน

จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง ช่องทางการขนยาเสพติดแถบทะเลแคริบเบียนถูกปิดไว้โดยรัฐบาล แก๊งค้ายาเสพติดจากโคลอมเบียจึงต้องหาช่องทางการขนส่งโคเคนในแบบอื่นๆ ซึ่งก็คือการขนส่งผ่านเม็กซิโก ประเทศที่มีชายแดนหลายพันไมล์ติดกับสหรัฐฯ เฟลิกซ์มองเห็นช่องทางการทำเงินมหาศาลที่แทบจะกองอยู่ตรงหน้า เพราะเมื่อเทียบกับการขนส่งกัญชาแล้ว โคเคนทำรายได้ให้มากกว่าหลายสิบเท่า เขาจึงโน้มน้าวให้ทุกคนในเครือข่ายเข้าสู่ธุรกิจการขนส่งโคเคน จากนั้นเม็กซิโกจึงกลายเป็นแหล่งการขนส่งสินค้าอันสำคัญ

ทางด้านเจ้าหน้าที่กิกิเอง เขาก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แม้ว่ากำลังพลจะน้อยนิด แถมยังโดนเงื่อนไขบีบบังคับให้การทำงานไม่ราบรื่นเท่าที่ควรจะเป็น หลายครั้งโดนจัดฉากหลอก บ่อยครั้งได้รับข้อมูลบิดเบือน และมากครั้งที่คนร้ายหลุดรอดไปได้ ถึงอย่างนั้นกิกิก็หาทางเข้าสู่ข้อมูลของเฟลิกซ์ได้ แต่ยิ่งเข้าใกล้เท่าไรก็เหมือนยิ่งไกลออกไป

เขาหรือเฟลิกซ์กันแน่ที่จะถูกควบคุมตัว และความตายจะเดินทางมาถึงใครก่อนกัน

สงครามที่ไม่มีวันชนะ

เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า สาเหตุหนึ่งที่ชาวเม็กซิโกเข้าสู่วังวนของยาเสพติดนั้นมาจากความยากจน เพราะรัฐบาลไม่สามารถสร้างอาชีพสุจริตที่สร้างรายได้เพียงพอให้กับประชาชนได้ เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอันดับต้นๆ ของโลก ความรวยกระจุกตัวอยู่ที่คนเพียงหยิบมือ ท้ายที่สุดกลุ่มคนบางส่วนจึงกลายเป็นแนวร่วมในขบวนการยาเสพติด

ในปี 2018 สถิติอาชญากรรมตัวเลขฆ่ากันตายในเม็กซิโกสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องมาจากแก๊งค้ายาไล่ล่ากันเอง พวกเขาต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่และเส้นทางการค้า ความรุนแรงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จากอดีต ส่วนหนึ่งอาจเพราะช่วงหลายปีก่อนเม็กซิโกถูกควบคุมโดยแก๊งค้ายารายใหญ่ไม่กี่ราย และแต่ละรายก็คุมพื้นที่แต่ละส่วน การต่อสู้ระหว่างแก๊งจึงไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน

ส่วนนี้เองทำให้เราย้อนกลับไปเห็นว่า สิ่งนี้คือสิ่งที่เฟลิกซ์มองเห็น เขาพยายามจะรวบรวมเครือข่ายให้เป็นปึกแผ่นก็เพื่อลดความรุนแรงระหว่างกัน ควบคุมและทำทุกอย่างให้เป็นธุรกิจมากขึ้น เขาฉลาด หลักแหลม ใจเย็นในเวลาที่ควร และตัดสินใจเร็วในเวลาที่คับขัน

ความสำเร็จของการค้ายาเสพติดก็ไม่แตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องมียุทธศาสตร์ นอกจากการดูหนังแล้ว หนังสือ Narconomics: How to Run a Drug Cartel ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดี หากคุณอยากเห็นภาพเครือข่ายการค้ายาให้ชัดเจนขึ้น หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนวิธีการค้ายา แต่จะอธิบายธุรกิจนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งเรื่องของอุปสงค์-อุปทาน การบริหารคนภายในองค์กร การเข้าถึงและครอบครองแต่ละพื้นที่ การประชาสัมพันธ์ หรือแม้แต่การทำธุรกิจบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งดูแล้วก็แทบไม่ต่างไปจาก McDonald’s หรือ Coca-Cola

สงครามยาเสพติดยังลุกลามต่อไปด้วยความโหดร้าย จนเราแทบจะมองไม่เห็นโอกาสชนะได้เลย ตอนนี้เรามองเห็นแต่ความล้มเหลว อุปสงค์ของยาเสพติดยังสูงแม้ว่าจะมีกฎหมายห้ามไว้อย่างชัดแจ้ง อาชญากรมองเห็นช่องทางในการทำกำไรและต้องคว้ามันไว้อย่างเสียไม่ได้ และไม่ว่าจะเราจะทำลายผู้ค้าไปมากเพียงใด ช่องว่างเหล่านั้นก็จะถูกเติมจนเต็มเหมือนเดิม

กฎหมายไม่เคยยับยั้งการผลิตและการค้ายาเสพติดได้สำเร็จ จากงานวิจัย ในคู่มือ การยุติสงครามยาเสพติด ของ มูลนิธิเพื่อการปฏิรูปนโยบายยาเสพติด พบว่าการปราบปรามยาเสพติดเป็นเหมือน ‘ทฤษฎีการบีบลูกโป่ง (balloon effect)’ การบีบหรือกดดันห่วงโซ่อุปทานของยาเสพติดส่วนใดส่วนหนึ่งนั้นไม่สามารถขจัดปัญหาไปได้ ปัญหานั้นจะเปลี่ยนไปสู่พื้นที่อื่นทันที อันเห็นได้จากการย้ายแหล่งผลิต การเปลี่ยนเส้นทาง การเปลี่ยนผู้ค้า นี่คือการชี้ให้เห็นว่ายาเสพติดได้ฝังรากลึกลงไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะถอนรากถอนโคนออกมาได้หมด

เริ่มต้นสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า

Narcos: Mexico เดินเรื่องในลักษณะเดียวกับซีซั่นที่ผ่านๆ มา เรื่องราวร้อยเรียงไปตามหน้าประวัติศาสตร์ที่แต่งเติมตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย แต่ยังคงให้ข้อมูลในเชิงสารคดีได้อย่างน่าสนใจ ตัวละครหลักมีความขาวกับดำขึ้นมาหน่อย ต่างจากซีซั่นก่อนที่ตัวละครจะมีความเทาๆ มากกว่า ทั้งในแง่ไหวพริบและการลงมือปฏิบัติงาน

สิ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าหายไปเลยจากซีซั่นนี้ก็คือความตื่นเต้นแบบดุเดือดเลือดพล่าน การชิงไหวชิงพริบที่ลุ้นกันจนตัวโก่ง อาจเพราะเป็นการปูเนื้อเรื่องใหม่ และย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงในเม็กซิโก การดำเนินเรื่องจึงยังไม่ฉับไว ฉากแอ็คชั่นยังมีให้เห็นไม่มาก ส่วนในแง่ของการแสดง ทั้งไมเคิล เพนยา และดิเอโก ลูนา สองนักแสดงหนุ่มที่เราคุ้นเคยก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คิดว่าซีซั่นต่อไปน่าจะกลับเข้ามาสู่จุดเดือด ความสงบจะไม่มีอีกต่อไป เพราะสงครามที่แท้จริงกำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว

Tags: , , , ,