พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ประกาศข้อกำหนดเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) โดยระบุว่า เพื่อให้มีมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว จึงออกข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกาถึง 04.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่ง พัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติหรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 3) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศ หรือสั่ง ห้าม เตือนหรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สำหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย
ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใดซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ข้อให้พี่น้องประชาชนอย่างตื่นตระหนกและไม่ต้องกักตุนสินค้า เพราะยังสามารถออกมาซื้อของได้ในตอนกลางวันได้ตามปกติ แต่ต้องเคร่งครัดเรื่องระยะทางทางสังคมด้วย
นายกรัฐมนตรีย้ำกว่าด้านการควบคุมสินค้ามีศูนย์ปฎับัติการกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์ รวมทั้งมีการตรวจสอบและจับกุมผู้กักตุนสินค้า บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและสามารถจับกุมได้แล้วหลายรายด้วยกัน
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ มีมาตรการอย่างต่อเนื่อง เช่น เงินช่วยเหลือ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับลูกจ้างรายวัน แรงงานนอกระดับ และอาชีพอิสระ 9 ล้านคน การลดค่าน้ำค่าไฟ 3 เดือน การพักชำระหนี้ต่างๆ เป็นต้น
ส่วนผู้ประกอบการและเอสเอ็มอี รัฐบาลจะช่วยคืนสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่าย ไม่ให้เป็นหนี้เสีย ด้วยมาตรการทางภาษีและอื่นๆ
ทั้งนี้การปฎิบัติตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด จะทำให้สถานการณ์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จำกัดการแพร่ระบาดของโรคได้ เป้าหมายร่วมกันของเราคือจำกัดโรคให้เร็วที่สุดและทุกคนปลอดภัย ดังนั้นเราต้องไม่ประมาท ร่วมกัน ไม่ปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ขึ้นอยู่กับทุกคนที่ทำให้ตัวเลขเป็นศูนย์ในเร็ววัน เราต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างไม่ลดละ ต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม จำเป็นต้องยกระดับในบางพื้นตามเหตุผลทางการแพทย์
ข้อให้ประชาชนทุกคนร่วมมือกัน เพื่อลดภาระของทีมแพทย์ พยาบาล ที่เสียสละต่อสู้มาหลายเดือน หากมีแนวหน้าที่เข้มแข็ง แนวหลังที่เข้มงวด เราชนะศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน
Tags: โควิด-19, เคอร์ฟิว, พ.ร.ก. ฉุกเฉิน