นาตาลี พอร์ตแมน จากสาวน้อยที่ขโมยหัวใจใครต่อใครไปมากมาย ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์และโปรดิวเซอร์ ผู้มีความสามารถรอบด้าน นาตาลีถูกแมวมองเชื้อเชิญเข้าวงการโมเดลลิ่งตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ได้รับการผลักดันให้มีอาชีพเป็นนางแบบ แต่ตัวเธอเองตัดสินใจว่าอยากจะประกอบอาชีพด้านการแสดงมากกว่า

นาตาลีให้ความสำคัญกับการแสดงตั้งแต่อายุยังน้อย เธอเปิดตัวในภาพยนตร์เรื่องแรกด้วยบทบาทที่ทุกคนต่างจดจำไปตลอดกาล นั่นก็คือสาวน้อยมาทิลดา จากภาพยนตร์เรื่อง Léon: The Professional จวบจนปี ค.ศ. 1999 นาตาลีมีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากการได้รับเลือกให้แสดงบทบาท แพดเม่ อมิดาลา ราชินีแห่งนาบู ตัวละครในมหากาพย์ภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส

นอกเหนือไปจากการแสดงแล้ว เธอก็ยังเก่งกาจแทบจะทุกด้าน นาตาลีจบปริญญาตรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาจิตวิทยา และมีความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองเสมอๆ ในช่วงปี 2018 ที่ผ่านมา เธอก็เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมพลังออกแคมเปญช่วยเหยื่อคุกคามทางเพศ และปฏิสธการไปรับรางวัลเจเนซิส ที่นครเยรูซาเลม เพราะไม่เห็นด้วยกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เราจึงต้องยอมรับว่านาตาลีมีความรู้ ความสามารถ และจุดยืนที่โดดเด่นมากคนหนึ่งจริงๆ

Léon: The Professional (1994)

ผลงานจากผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ลุก แบซง (The Fifth Element (1997), Lucy (2014) และ Valerian and the City of a Thousand Planets (2017)) ที่นับว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดให้แก่นาตาลี พอร์ตแมน อย่างเต็มตัว ด้วยอายุเพียง 11 ปี เธอถูกเลือกมาจากเด็กหญิง 2,000 คน ซึ่งตอนแรกเธอถูกปฏิเสธจากการคัดเลือก เพราะอายุน้อยเกินไป และก่อนที่นาตาลีจะเซ็นสัญญาในภาพยนตร์เรื่องนี้ พ่อแม่ของเธอได้มีการตกลงกับผู้กำกับเกี่ยวกับฉากสูบบุหรี่ของมาทิลด้า ว่าเธอจะต้องไม่สูบบุหรี่เข้าหรือออกอย่างเด็ดขาด

ลีออง นักฆ่ามืออาชีพระดับมหากาฬที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียวในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่มีหลายครอบครัวอาศัยอยู่ รวมถึงครอบครัวของเด็กหญิงมาทิลด้า ซึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่ พี่สาว และน้องชาย พวกเขาอยู่ห้องใกล้ๆ กับลีออง แต่ทั้งหมดก็ไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกัน มีเพียงมาทิลด้าที่พบหน้าเขาบ้างตามทางเดิน แล้วโชคร้ายก็เดินทางมาหาเธอ เมื่อครอบครัวของสาวน้อยถูกฆ่าตายโดยเจ้าหน้าที่แสตนฟิลด์ เนื่องจากปัญหายาเสพติด มาทิลด้าเดินผ่านหน้าบ้านตัวเองไปอย่างเศร้าโศก แต่ก็แข็งใจราวกับว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ตายไป เธอมาเคาะประตูห้องลีออง และเขาก็เปิดรับเธอเข้ามาอย่างเสียไม่ได้

ความสัมพันธ์อันแสนประหลาดนี้จึงเริ่มก่อตัว โลกใบเดิมที่เงียบเหงาของลีอองค่อยๆ เปลี่ยนไป ช่วงเวลาดีๆ ได้เริ่มขึ้น พร้อมๆ กับโศกนาฏกรรมที่ยังไม่จบลงโดยสมบูรณ์

ตัวละครทุกตัวมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และการแสดงของแต่ละคนก็เป็นที่น่าจดจำ ภาพลักษณ์นักฆ่าของลีอองนั้นให้ความรู้สึกต่างไปจากเรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง เขาชอบดื่มนม มีต้นไม้เป็นเพื่อน และแววตาที่ไม่ได้มีประกายของความน่ากลัวอยู่เลย

การสวมบทมาทิลด้าของนาตาลีนั้นก็แทบจะไม่มีที่ติ เธอแสดงออกได้ดีทั้งทางสีหน้าและแววตา มีความแก่น ความบริสุทธิ์แบบเด็กๆ แต่ก็พร้อมจะฟาดฟันความโหดร้ายของชีวิต และอีกคน เจ้าหน้าที่แสตนฟิลด์ มีทั้งสีสันและความบ้าคลั่งอยู่ในตัว ทำให้ภาพยนตร์ดูฉูดฉาดขึ้นมาทันตา

V for Vendetta (2005)

หลายคนอาจไม่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อน แต่น่าจะจำสัญลักษณ์หน้ากากนี้กันได้ เพราะช่วงหนึ่งมันถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย เจมส์ แมคเทียค และเขียนบทโดยพี่น้องวาชอวสกี (The Matrix (1999), Cloud Atlas (2012)  และ Jupiter Ascending (2015)) เนื้อเรื่องมาจากหนังสือการ์ตูนในชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกในยุคดิสโทเปีย ที่รัฐบาลปกครองประชาชนด้วยความไม่เป็นธรรม

ในปี 2032 โลกอยู่ในความสับสนอลหม่าน สหรัฐอเมริกาย่อยยับจากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานและการระบาดของไวรัสเซนต์แมรี สหราชอาณาจักรถูกปกครองภายใต้ระบอบฟาสซิสต์ของพรรค Norsefire บรรดาคนที่ทำผิด คริสเตียน และรักร่วมเพศ จะถูกส่งไปขังรวมอยู่ในค่ายกักกัน ส่วนพวกเสรีนิยม ฝ่ายซ้าย อนาธิปไตบ และกลุ่มต่อต้านทางการเมืองอื่นๆ จะถูกย้ายออกไปภายในเวลาอันสั้น

วันหนึ่ง อีวี่ ผู้ประกาศข่าวหญิงของโทรทัศน์รัฐบาล เกือบจะถูกจับเพราะออกมาจากที่อยู่อาศัยในช่วงเคอร์ฟิว แต่อีวี่ถูกช่วยไว้โดย “วี” ชายผู้สวมหน้ากาก แต่วีไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อช่วยเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะเขาคิดการใหญ่กว่า โดยจะวางระเบิดรัฐสภา และปลุกระดมประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ สิทธิเสรีภาพที่ถูกลิดรอนไปจะต้องกลับคืนสู่มือประชาชน แล้วความยุติธรรมจึงจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

อลัน มัวร์ ผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่รู้จักในนาม “กบฏดินปืน” เป็นแผนการลอบสังหารพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ในปี ค.ศ.1605 ของกาย ฟอคส์ แต่เขาก็ถูกจับได้เสียก่อน

การชมภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ต่างจากความเป็นจริงที่เราเจอในปัจจุบัน อีวี่ เหมือนเป็นตัวแทนของเราที่ไม่สามารถลงมือแก้ไขอะไรได้ แม้จะอยากทำเพียงใดก็ตาม เราทำได้แค่ก่นด่ารัฐบาล และไม่อาจหาญพอจะลุกขึ้นมาต่อต้าน แต่หากวันหนึ่งความเป็นจริงมันโหดเหี้ยมเกินไป วันนั้นเราคงมองเห็นพลังของประชาชน

Black Swan (2010)

ภาพยนตร์จิตวิทยาสยองขวัญ กำกับโดยดาร์เรน อโรนอฟสกี้ เนื้อเรื่องอ้างอิงมาจากการแสดงบัลเล่ต์ชุดสอวน เลค จากบทประพันธ์อันโด่งดังของปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี ซึ่งมีเค้าโครงมาจากนิทานของรัสเซีย และตำนานพื้นบ้านของเยอรมัน

การแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งผลให้นาตาลี ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากการประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 83 ประสบความสำเร็จทั้งในด้านคำวิจารณ์และรายได้ โดยทำเงินไปทั้งสิ้น 329 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 13 ล้านเหรียญ

Black Swan เล่าถึงชีวิตสาวนักบัลเล่ต์ นีน่า เธอทุ่มเทให้กับบัลเล่ต์มาตั้งแต่เด็ก และใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้รับบทเด่นที่เปรียบเสมือนตัวชูโรงของการแสดงเรื่องนั้นๆ นีน่าอาศัยอยู่กับแม่ที่สนับสนุนเธออย่างเต็มที่ ซ้ำยังคอยผลักดันให้เธอไม่วอกแวกกับเป้าหมายที่วาดหวัง แล้วการแสดงสำหรับฤดูกาลใหม่ก็กำลังจะเริ่มต้น การแสดงที่มีชื่อว่า “Swan Lake” และโทมัส ผู้กำกับ ก็มองหานักเต้นหน้าใหม่ที่จะมาสวมบทบาทหงส์ขาวและหงส์ดำได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนคนหนึ่งจะทำได้ดีอย่างสมบูรณ์ทั้งสองบท

เมื่อการออดิชั่นมาถึง นีน่าทำให้เห็นว่าเธอเหมาะสมกับบทหงส์ขาวอย่างไม่มีที่ติ แต่เธอก็ยังไม่สามารถรับบทหงส์ดำได้ดี ดังนั้นการมีตัวตนของลิลี่ หญิงสาวแสนเพียบพร้อมที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ก็พร้อมจะช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอ ความกดดันจึงตกอยู่ที่ตัวนีน่า เธออึดอัดและวิตกกังวล จนสุดท้ายเธอก็ปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการที่รัดรึงมาตลอด

นีน่าสูญเสียตัวตนไปส่วนหนึ่งเพื่อแลกกับการกลายเป็นหงส์ดำ ความสมบูรณ์ในการแสดงเป็นของเธอแล้ว แต่สิ่งนั้นก็ได้ทำลายเธอไปพร้อมๆ กัน

ไม่มีใครที่จะไม่ประทับใจการแสดงของนาตาลีในภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอมีทั้งความไร้เดียงสาและความดุดันได้อย่างไม่น่าเชื่อ นาตาลีใช้เวลาฝึกฝนบัลเล่ต์หนึ่งปีเต็มเพื่อเตรียมความพร้อม บ่งบอกว่าเธอเต็มที่กับมันมากแค่ไหน ภาพยนตร์เต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ถึงอย่างนั้นก็กลับสร้างความระทึกและความสนุกให้กับเราอย่างมาก

จุดที่ภาพยนตร์เฉลยว่าอะไรเป็นอะไรทำให้เราได้เห็นตัวตนของนีน่าอย่างหมดจด เธอถูกกดทับด้วยบางสิ่ง อันเนื่องมาจากการเลี้ยงดูและการแสดงออก เมื่อความมืดย่างกรายมาสู่ตัวเธอ เธอจึงไม่รู้ว่าจะรักษาสมดุลในตัวเองไว้ได้อย่างไร

Jackie (2016)

ผลงานการกำกับของพาโบล ลาร์เรน ที่ทำให้นาตาลี พอร์ตแมน ได้แสดงฝีมือแบบเข้มข้นอีกครั้ง และส่งผลให้เธอได้รับรางวัลสาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Critic’s Choice Awards รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

การขึ้นสู่อำนาจนั้นไม่ง่าย และการดำรงอยู่ในตำแหน่งก็ยังมีความยากอีกหลายอย่าง ไม่เว้นแม้แต่การถูกปองร้าย สหรัฐอเมริกานั้นมีประธานาธิบดีที่ถูกลอบสังหารในขณะดำรงตำแหน่งและเสียชีวิตถึง 4 คน ซึ่งคนสุดท้ายได้แก่ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ผู้นำที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์

การก้าวขึ้นมาของจอห์น เอฟ. เคนเนดี ทำให้ภรรยาของเขา แจ็คเกอลีน เคนเนดี หรือแจ็คกี้ กลายเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งไปด้วย แล้วเมื่อเขาโดนกระสุนพรากไปต่อหน้าต่อตาเธอ แจ็คเกอลีนก็กลายเป็นม่ายสาวในวัยเพียง 34 ปี

ภาพยนตร์เรื่อง Jackie เปรียบเสมือนบันทึกหน้าหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ตั้งแต่ก่อนที่ JFK จะถูกลอบสังหาร ช่วงหลังที่ถูกลอบสังหารแล้ว และหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เหตุการณ์อันน่าเศร้านั้นเดินทางมาถึงในเช้าวันที่สดใสที่สุดวันหนึ่ง แล้วมันก็แปรเปลี่ยนเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาไปตลอดกาล

แจ็กกี้ต้องแบกรับความสูญเสียอย่างฉับพลัน นำมาซึ่งความสับสนและความมืดบอดของอนาคต ขณะเดียวกันเธอก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป รวมถึงเป็นผู้จัดการงานศพของสามี เพื่อให้ทุกคนจดจำเขาในแบบที่ดีที่สุด ภาพยนตร์จึงถูกเล่าผ่านสายตาและน้ำเสียงของแจ็คกี้ทั้งหมด ทำให้ผู้ชมได้เข้าไปค้นสภาพจิตใจในส่วนลึกของเธอ การต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัว การหยัดยืนเพื่อลูกๆ การเปิดเปลือยความรู้สึกทั้งหลาย

ในขณะที่ประเทศสูญเสียประธานาธิบดีไป พวกเขาสามารถหาคนมาแทนที่ได้ไม่ยาก แต่สำหรับแจ็คกี้แล้วก็คงไม่มีใครมาทดแทนเคนเนดีได้

นี่จึงเป็นอีกบทบาทที่โหดหินของนาตาลี พอร์ตแมน เพราะเธอแทบจะแบกทั้งเรื่องไว้เพียงตัวคนเดียว การแสดงอารณ์ที่ทั้งเศร้าสร้อย เคร่งขรึม และเหมือนจะแตกสลายไปพร้อมๆ กันนั้น ปรากฏออกมาทั้งทางสีหน้าและแววตา นาตาลีสามารถเป็นแจ็คกี้ได้ถึงจิตวิญญาณ วิธีการพูด การมอง ท่าทางการเดิน ลักษณะการเคลื่อนไหวในทุกๆ กิจกรรมที่เกิดขึ้น เธอศึกษาชีวิตของแจ็คกี้มาเป็นอย่างดี จุดศูนย์กลางของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงอยู่ที่เธอ และเธอก็ทำออกมาได้อย่างไม่น่าผิดหวังเลยแม้แต่น้อย

Annihilation (2018)

Annihilation ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์สยองขวัญ ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน (ฉบับหนังสือจะเป็นนวนิยายไตรภาคที่เรียกว่า Southern Reach Trilogy) เขียนบทและกำกับโดยอเล็กซ์ การ์แลนด์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบไปด้วยนักแสดงที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้นมันกลับทำรายได้ไม่เป็นที่น่าพอใจนัก และขาดทุนไปกว่า 10 ล้านเหรียญ แต่การขายลิขสิทธิ์ให้กับ Netflix น่าจะทำให้ Annihilation มีรายได้ที่มากขึ้น รวมถึงการเข้าถึงผู้คนในหลายๆ ประเทศ

เมื่อโลกมีอุกกาบาตขนาดเล็กพุ่งชน พื้นที่ Area X จึงเกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่เรียกว่า ‘ม่านสีรุ้ง’ ปกคลุมไปทั่วบริเวณอุทยานแห่งชาติ และขยายตัวมากขึ้นเรื่อย รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามส่งคนเข้าไปสำรวจบริเวณดังกล่าว แต่ไม่เคยมีใครกลับออกมาได้เลย ลีน่า อาจารย์ด้านชีววิทยา เฝ้ารอ เคน ผู้เป็นสามีอยู่หนึ่งปีเต็ม เขาไปทำภารกิจที่นั่นและขาดการติดต่อไป จนเธอคิดว่าเขาน่าจะตายไปแล้ว

แต่วันหนึ่งเคนก็กลับออกมา และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ลีน่าดีใจที่ได้พบเขาอีกครั้ง แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะพบว่าเคนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และถูกเจ้าหน้าที่ของทางการจับไปในที่สุด

นี่เองเป็นเหตุผลให้ลีน่าเข้าร่วมกลุ่มสำรวจม่านสีรุ้ง ซึ่งประกอบไปด้วยคนอีก 4 คน และทั้งหมดเป็นผู้หญิง การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการหาทางช่วยเหลือเคน แต่มันยังเป็นการไถ่บาปไปในตัว เพราะเธอรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เคนรับภารกิจนี้เช่นกัน เป้าหมายของพวกเธอทั้ง 5 คือการไปให้ถึงประภาคาร อันเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ผิดธรรมชาตินี้ ทั้งหมดก็เพื่อไขคำตอบของสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่

ภาพยนตร์เสนอแนวคิดของการทำลายล้างและการเกิดใหม่ได้อย่างแยบยล แต่สองสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่แยกขาดจากกันเสียทีเดียว เพราะการทำลายหมายถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่เพื่อการดำรงอยู่ และนั่นก็คือการเกิดใหม่ในอีกฐานะหนึ่ง แต่ภายใต้การตีความตามเนื้อเรื่องและงานโปรดักชั่นที่น่าสนใจแล้ว Annihilation ก็ยังฉายให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ ความสุข ความทุกข์ ความกลัว และความไม่รู้จะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเราตลอดไป

Tags: , , ,