จะมีสักกี่คนที่กล้าพาตัวเองไปพื้นที่สงคราม สถานที่ซึ่งคละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือด ดินปืน และเขม่าควันจากระเบิดทำลายล้างและอาวุธสังหารชนิดต่างๆ

สำหรับ สิงห์-วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ผืนดินที่อบอวลไปด้วยภยันตรายจนถึงความขัดแย้งเหล่านั้นกลับกลายเป็นทั้งคอมฟอร์ตโซนและเซฟโซนในเวลาเดียวกัน เพราะในช่วงวัยของชีวิตที่กำลังแตะหลัก 33 เขาเชื่อว่าตัวเอง ‘โต’ พอกับการไปสรรหาเรื่องราวในสถานที่สุ่มเสี่ยงเหล่านั้นกลับมาถ่ายทอดให้พวกเราได้รับรู้ผ่านรายการสารคดี เถื่อน ทราเวล

หลังห่างหายจากพื้นที่สื่อไประยะหนึ่ง The Momentum ชวนวรรณสิงห์มาพูดคุยถึงเรื่องราวเบื้องหลังความเถื่อนของการสร้างรายการที่ถ่ายทำทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงคนเดียว! และสำรวจเป้าหมายในอนาคตของนักเล่าเรื่องผู้มีความตั้งใจจะสร้างประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ตามแนวทางของตน

ยิ่งได้คุยกับองค์กรด้านนี้ก็ยิ่งเห็นว่าเขาขาดกระบอกเสียง
ผมเลยอยากจะอาสาเอาเรื่องราวเหล่านั้นมานำเสนอเพื่อแปรกลับไปเป็นทุนช่วยเหลือพวกเขาให้ได้เรื่อยๆ

ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าโปรเจกต์ ‘เถื่อน ทราเวล’ ที่คุณกำลังทำตอนนี้คืออะไร

เถื่อน ทราเวล เป็นรายการที่มีคอนเซปต์ของการเดินทางผจญภัยในที่ที่คนดีๆ ไม่ไปกัน หรือบางคนอาจจะอยากไปถ้าเป็นคนบ้าๆ อย่างผม แต่ก็คงเสี่ยงพอสมควรกับการไปสถานที่เหล่านั้น ให้พูดอีกด้านมันก็คือรายการเดินทางคนเดียว ถ่ายคนเดียว ทำคนเดียว เป็นการทดลองว่าผมจะสามารถทำรายการคนเดียวได้หรือเปล่า แง่หนึ่งมันก็เป็นการต่อยอดจากหนังสือ เถื่อนเจ็ด ที่ทำในปีที่แล้ว รู้สึกว่าไหนๆ มาสายนี้แล้วก็เอาให้สุดเลยละกัน
จริงๆ มันก็เป็นข้ออ้างของชีวิตในการเอาตัวเองไปในที่เหล่านั้น เพราะจะให้ไปแบบไม่มีจุดหมายปลายทางมันก็ไม่มีสาระ แต่ละที่ที่ผมไปเป็นสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากจริงๆ มีความน่าสนใจทั้งในเชิงมนุษย์ที่อยู่ที่นั่น สังคม ประวัติศาสตร์ หรือธรรมชาติ และอีกหลายๆ อย่าง

ทำไมจู่ๆ ถึงคิดจะทำรายการคนเดียว

ผมเริ่มทำรายการตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว (2559) ตอนนั้นยังไม่ได้ขายใครเลย ไม่ได้คิดชื่อรายการด้วยซ้ำ แต่วันดีคืนดีอยากไปเที่ยวแอฟริกา แล้วเป็นคนคันไม้คันมือ ถ้าไปเที่ยวเฉยๆ ก็คงไร้สาระ เลยพกกล้องไปเยอะมาก ทั้งๆ ที่ไม่เคยถ่ายรายการคนเดียวมาก่อน เริ่มฝึกใช้โกโปร (Gopro), แอ็กชันแคม (Action-Camera), กล้องถ่ายวิดีโอเป็นครั้งแรก ไปลองผิดลองถูกที่นั่น

ซึ่งได้ค้นพบว่าต้นทุนลดไปเยอะมาก แล้วแต่ละสถานที่ก็มีความยากในเรื่องการเดินทาง อย่างอัฟกานิสถานก็โหดที่สุดที่เคยไป อันตรายเป็นอันดับ 4 ของโลก กว่าจะไปต้องประสานงานกับยูเอ็น (UN) 3 เดือน, วางแผนความปลอดภัยของตัวเอง เพราะสถานทูตไหนๆ ก็จะไม่แนะนำให้ไป ประกันเดินทางก็ไม่รับ แต่หลายสิ่งที่ได้กลับมาเสมอคือการได้เรียนรู้เรื่องราวของสถานที่นั้นๆ ได้ทำหลายๆ อย่างที่โคตรพีก

เหตุผลอีกอย่างที่อยากทำรายการแบบนี้คือ พื้นที่ที่ไปง่ายๆ เข้าถึงไม่ยาก ผมก็ไปมาเกือบหมดแล้ว แต่ทุกครั้งที่มีอะไรคาใจ ส่วนมากมักจะเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง สงครามและปัญหาต่างๆ ซึ่งก็รู้สึกว่ามันถึงจุดหนึ่งในการทำงานด้านสารคดีแล้วที่ผมควรจะโตพอไปล้วงเรื่องพวกนี้มานำเสนอ

รูปแบบการทำงานของคุณทำให้คุณมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบตัวบ้างหรือเปล่า

(หัวเราะ) ทุกคนก็จะสงสัยกันนะครับ ทำบ้าๆ มาหลายปี แม่ (จิระนันท์ พิตรปรีชา) ไม่เคยห้ามเลยเหรอ แต่อัฟกานิสถานเป็นที่แรกนะครับที่แม่ไม่อยากให้ไป ถ้าเป็นลูกผม ผมก็คงไม่อยากให้ไป แต่ก็พยายามเจรจาอยู่เหมือนกัน เพราะตอนแรกผมบ้ามาก วางแผนไปอยู่หนึ่งเดือนเข้าทั้งเรดโซนและพื้นที่สุ่มเสี่ยง พอคุยกับแม่ก็เข้าใจว่าเขาเป็นห่วง จนสุดท้ายก็ลดสเกลตัวเองลงมาจนแม่อุ่นใจยอมไปส่งที่สนามบิน
ส่วนปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่ผ่านมาก็มีเรื่อยๆ เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างผม บางครั้งคนที่เขามีความสัมพันธ์กับผมก็อยากให้ผมไปอยู่ตรงนั้นในเวลาที่เขาต้องการ แต่ผมก็ทำไม่ได้ ตอนนี้ก็พยายามปรับตัวหลายๆ อย่างเหมือนกัน เมื่อก่อนไม่คิดว่าเป็นข้อเสีย เพราะเข้าใจว่าการมีแพสชันเป็นเรื่องที่ดี แต่พอโตขึ้นก็เห็นข้อเสียที่มีต่อคนที่แคร์เรามากขึ้น เลยพยายามปรับตัวเอง

ปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่ผ่านมาก็มีเรื่อยๆ
เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างผม
บางครั้งคนที่เขามีความสัมพันธ์กับผมก็อยากให้ผมไปอยู่ตรงนั้น
ในเวลาที่เขาต้องการ แต่ผมก็ทำไม่ได้

ถ่ายทำรายการในสถานที่อันตราย เคยเจอเหตุการณ์เฉียดตายบ้างไหม

มี 2-3 ครั้งครับ ครั้งหนึ่งตอนไปค่ายลี้ภัยแล้วเหมือนจะโดนรุมปล้นเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คุม ฆ่ากันตายตรงนั้นก็คงไม่มีใครรู้เพราะตำรวจไม่เดินเข้าไป พอสัมภาษณ์เสร็จก็มีคนมายืนรอบๆ ผมก็ต้องจ่ายเงินเขา ค่อยๆ กระดืบออกมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ต้องวิ่งหนีขึ้นรถกลับมา อีกครั้งคือตอนกลับออกมาจากเมืองคาบูล เพื่อมาเปลี่ยนเครื่องที่อิสตันบูล ในตุรกี พอเครื่องลงแล้วเช็กข่าวก็พบว่า ช่วงที่อยู่บนเครื่องบิน ระเบิดพึ่งจะลงถนนเส้นที่ขับรถผ่านทุกเช้า ยังแอบคิดเลยว่าถ้ายังอยู่ที่นั่นจะต้องถ่ายมันมากแน่ๆ

ต่างประเทศเขาจะมี War Journalist (นักข่าวสงคราม) ซึ่งเป็นฮีโร่ของผม ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเล่าเรื่องมาหลายปี เรื่องไหนเข้าถึงยากก็ยิ่งมีคุณค่า ซึ่งสถานที่เหล่านั้นเองก็ต้องการเป็นพยานบันทึกเรื่องราวในประวัติศาสตร์เช่นกัน แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่คงไม่สามารถถ่อไปได้ แต่ตัวผมเองทำอาชีพนี้ มันก็ควรจะเป็นผมหรือเปล่าที่มีส่วนร่วมเล็กๆ ในการบันทึกสิ่งเหล่านั้น? ในระดับชาติอาจจะมีคนทำหน้าที่นี้เยอะแล้ว แต่ในประเทศไทยไม่ค่อยมีนักข่าวสงคราม ผมเลยพยายามค่อยๆ ฝึกตัวเองไปในทางนั้น ถ้าต่อไปสามารถทำงานในวอร์โซนได้จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

ตั้งใจจะมอบหรือสื่อสารอะไรกับคนที่ได้ดูรายการของคุณ

อยากให้คนดูรายการเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับโลกใบนี้ที่กว้างมากๆ มีหลายมุมบนโลกที่ผมไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน คนมักจะคิดว่าสถานที่เหล่านั้นมีแต่ความป่าเถื่อนและน่ากลัว แต่ทุกที่มันมีความเป็นมนุษย์ หัวใจ ความรู้สึก และความคิดที่ไม่ต่างจากเรา แค่เปลือกของเขาอาจจะเข้าใจได้ยาก

ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับฝ่ายก่อความรุนแรง ซึ่งก็คัดค้านการกระทำของเขานะ แต่เช่นเดียวกันก็เข้าใจมากขึ้นว่าเขามาจากจุดไหน สิ่งที่เขาเติบโตและพบเจอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีอะไรบ้าง ผมว่าทุกวันนี้คนให้เครดิตสงครามมากเกินไป พอประเทศเหล่านี้เกิดสงครามขึ้น กล้องทุกตัวก็จ่อไปที่สงครามอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงพวกเขายังมีวัฒนธรรมและเรื่องน่าสนใจอีกมาก

ในมุมการเป็นนักเล่าเรื่อง คิดว่าเถื่อน ทราเวลหรือสิ่งที่ทำมาตอบโจทย์ความตั้งใจของตัวเองแล้วหรือยัง

กำลังไปในทิศทางนั้นครับ เป๋มาหลายปีเหมือนกัน พอหาจุดลงตัวได้ ก็ค่อยๆ เบนไปในทิศทางที่อยากทำ แต่ปัญหาคือทำงานคนเดียวมันช้า มีรายการได้แค่ปีละซีซัน ซึ่งไม่สาแก่ใจผมเท่าไร (หัวเราะ) ถ้าต่อไปสามารถหาเงินมาลงทุนได้ ก็จะสามารถสร้างทีมและมีคอนเทนต์ในแนวทางนี้และมีปริมาณเยอะกว่าที่เป็นอยู่

ผมชอบ ‘Vice’ (สื่อออนไลน์) มากๆ เขาทำสารคดีสั้นฮาร์ดคอร์เต็มไปหมด ไปถ่ายสารคดีไอซิส ก็ไปลงพื้นที่สัมภาษณ์ ขับรถทั่วเมืองวนไปกับกลุ่มไอซิส ก็งงว่า เฮ้ย ติดต่อยังไง ประสานงานทางไหน ดูแล้วรู้สึกว่าอยากไปโว้ย! ผมเป็นคนชอบผจญภัย แล้วแนวทางของ Vice เขาเจ๋งมากจริงๆ ถ้าสร้างเองไม่ได้ก็คงไปเป็นฟรีแลนซ์ให้เขาในอนาคต แต่ถ้าต่อไปสามารถสร้างเถื่อนชาแนลโดยบิวด์จาก เถื่อน ทราเวล แล้วทำให้เถื่อนเป็นแบรนด์แบรนด์หนึ่งที่มีทั้งบทความ สารคดี งานข่าวก็จะสุดยอดมาก แต่ก็ต้องค่อยๆ ทำไป

ผมว่าทุกวันนี้คนให้เครดิตสงครามมากเกินไป พอประเทศเหล่านี้เกิดสงครามขึ้น
กล้องทุกตัวก็จ่อไปที่สงครามอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงพวกเขายังมีวัฒนธรรมและเรื่องน่าสนใจอีกมาก

ได้ทำอะไรสุดๆ แบบนี้ คิดว่าถึงจุดสุดยอดของความตั้งใจแล้วหรือยัง

ก็สุดยอดของปีที่แล้ว ปีนี้มันก็มีสิ่งที่ผมอยากทำอีก สมมติว่า เถื่อน ทราเวลได้ต่อซีซัน 2 ผมก็คิดไว้คร่าวๆ แล้วว่าอยากทำอะไรบ้าง แต่อีกมุมหนึ่ง ผมก็ไม่ได้อยากทำสารคดีแอดเวนเจอร์ขนาดนั้น แค่อยากทำงานที่ลึกซึ้งในแง่ของความเป็นมนุษย์ ปีนี้ก็จะมีโปรเจกต์ร่วมกับ UNHCR (หน่วยงานให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ลี้ภัย) และ UNICEF (หน่วยงานสหประชาชาติที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม) ค่อนข้างเยอะ แต่ละที่ที่ไปก็ไม่จำเป็นต้องอันตรายหรือเถื่อนมากมาย แต่มันมีเรื่องราวที่คนไม่เคยรู้อยู่ในนั้นเยอะ บางคนอยู่มา 30 ปี จบปริญญาตรีมาสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้เพียงเพราะไม่มีสัญชาติ แต่นั่นก็เป็นด้านการทำงานสารคดี ด้านอื่นๆ ผมก็อยากทำงานเพลง เขียนหนังสือ อยากทำอะไรมาก แต่เวลาไม่ค่อยพอ (หัวเราะ)

มองจากมุมมองคนภายนอก คุณดูจะเป็นคนหนึ่งที่ทำงานหนักมากๆ

แต่ผมไม่รู้สึกว่ามันเป็นงานเลย โชคดีมากที่ตื่นมาทุกเช้าแล้วแพสชันล้นตลอดเวลา หลายๆ คนอาจจะหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร แต่ปัญหาของผมคือเวลาไม่พอ (หัวเราะ) เห็นอะไรก็อยากทำไปหมด ซึ่งบางทีมันก็ไม่ดีนะเพราะทำให้ผมร้อนรน อยู่นิ่งไม่ได้ แต่ในอนาคตก็อยากจะนิ่งกว่านี้หน่อย

โชคดีมากที่ตื่นมาทุกเช้าแล้วแพสชันล้นตลอดเวลา
หลายๆ คนอาจจะหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร
แต่ปัญหาของผมคือเวลาไม่พอ

วางเป้าหมายในอนาคตของตัวเองไว้อย่างไร มีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ

เป้าหมายชัดเจนระยะใกล้คือ ลองทำ เถื่อน ทราเวล อีกสักซีซัน เขียนหนังสือเถื่อนภาคต่อ และพยายามปั๊มช่องทางออนไลน์ของตัวเองให้เข้าสู่วงกว้าง ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่ค้นพบว่าเรามีรายได้จากโลกออนไลน์มากกว่าทีวี เลยรู้สึกว่าถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว ผมมองว่าความสุขของมนุษย์เกิดจากการมีความสัมพันธ์ที่ดี 3 ระดับ แรกสุดคือความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง ซึ่งผมรู้จักตัวเองดีมาก ระดับต่อมาคือ ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัวที่ตอนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับในอดีต

และสุดท้ายคือ ความสัมพันธ์ที่ดีกับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากเติมเต็มและทำประโยชน์ให้กับโลกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้ อย่างค่ายผู้ลี้ภัยที่เล่าให้ฟังก็เป็นหนึ่งในความต้องการส่วนนี้ เป็นโปรเจกต์ที่ทำฟรีตลอด ยิ่งได้คุยกับองค์กรด้านนี้ก็ยิ่งเห็นว่าเขาขาดกระบอกเสียง ผมเลยอยากจะอาสาเอาเรื่องราวเหล่านั้นมานำเสนอเพื่อแปรกลับไปเป็นทุนช่วยเหลือพวกเขาให้ได้เรื่อยๆ ถ้าทำส่วนนี้โดยใช้สกิลที่ผมมีอยู่ได้ก็จะรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำมันมีคุณค่ามากขึ้น

อย่างเซบาสเทียว ซาลกาโด (Sebastião Salgado ช่างภาพสารคดีชื่อดัง) เขาก็ใช้งานอาร์ตของตัวเองช่วยเหลือคนหลายๆ กลุ่ม โดยการดึงให้คนอื่นๆ มาสนใจ มันก็เป็นวิธีการทำงานร่วมกัน บางครั้งศิลปินก็ไม่ควรไปทำงานลงพื้นที่เองเพราะไม่ได้มีความสามารถและเชี่ยวชาญขนาดนั้น แต่ศิลปินก็มีความสามารถในการดึงคนให้มาสนใจได้ ซึ่งก็ต้องมีวิธีนำเสนอที่น่าสนใจที่สุดด้วยเช่นกัน

FACT BOX:

  • ชื่อรายการ เถื่อน ทราเวล ได้รับแรงบันดาลใจต่อยอดมาจากหนังสือ เถื่อนเจ็ด (The Savage Seven) ที่เจ้าตัวฝากผลงานไว้กับสำนักพิมพ์อะบุ๊ก เมื่อเดือนมีนาคมปี 2559 โดยก่อนที่จะมาลงเอยที่ชื่อเถื่อนเจ็ด ‘เถื่อนเจ็ดเย็ดเข้’ ก็เป็นอีกชอยส์หนึ่ง
  • เถื่อน ทราเวล  ตอนแรกจะเริ่มออนแอร์ในวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม 2560 เวลา 22.35 น. ทางช่อง GMM25
Tags: , ,