บ้านเดี่ยวสองชั้นที่ดูอบอุ่นและอยู่สบายในแบบของบ้านเก่าซึ่งเป็นที่นิยมในยุค 80s จะเริ่มกลับมาคึกคักอีกทีตอนหัวค่ำ เมื่อประตูหน้าบ้านเปิดออกให้เห็นลานกว้างด้านหน้า แสงไฟในบ้านหลังนั้นค่อยๆ สว่างขึ้นทีละดวง ทีละดวง เพื่อรอรับแขกที่จะมาเยือน โดยจุดหมายของพวกเขาคือการได้ใช้เวลาในค่ำคืนของวันอย่างผ่อนคลายด้วยเสียงดนตรี อาหาร และเครื่องดื่มจากบาร์ที่ชวนจิบชวนชิมทั้งหน้าตาและรสชาติ 

บ้านหลังนี้ชื่อว่า Mia เป็นร้านอาหารที่หลบเร้นอยู่อย่างสงบในซอยอรรถกวี (สุขุมวิท 26) เราไปเยือนร้านนี้หลังจากเพิ่งเปิดให้บริการมาได้เพียงครึ่งเดือน แต่กลับพบว่าเป็นครึ่งเดือนแรกที่คลาคล่ำไปด้วยนักกินนักดื่ม ที่รู้ฝีมือของเชฟซึ่งเป็นแม่เหล็กของร้าน และตามมาชิมรสมือของพวกเขาที่ร้านนี้อย่างตั้งใจ ทำให้มีอากลายเป็นร้านที่ ติด อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอสื่อป่าวประกาศ

มีอาอยู่ภายใต้การดูแลของเชฟมากประสบการณ์ คือเชฟจูเลียน อิมเบิท ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำอาหารมามากมายหลายที่ในกรุงลอนดอน ทั้ง Sketch, Jason Atherton’s City Social, และ Dinner by Heston Blumenthal กับสองเชฟคู่หูอย่าง เชฟท็อปพงศ์ชาญ รัสเซล และเชฟมิเชล โก ซึ่งทั้งคู่เคยร่วมงานกับร้านอาหารชื่อดังอย่าง Freebird ที่ปิดตัวไป และ Sühring  ที่ปัจจุบันเป็นร้านอาหารอันดับที่ 45 ของ World’s 50 Best Restaurants เมื่อได้เชฟระดับท็อปมาผนึกฝีมือและไอเดียกันอย่างนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขารังสรรค์เมนูออกมาได้ ว้าว อย่างที่เราอยากเห็น

ก่อนจะพาไปสัมผัสกับอาหาร เราขอเดินสำรวจบ้านหลังนี้ให้เต็มตาก่อน เพราะชอบดีไซน์ของบ้านในยุคนี้อยู่เป็นทุน เมื่อก้าวผ่านประตูเข้าสู่ตัวบ้าน จะมองเห็นครัวของหวานเป็นครัวเปิดอยู่ทางขวามือ สับปะรดปอกเปลือกทั้งลูกกำลังแขวนตัวอยู่เหนือเตาที่จะปล่อยให้ความร้อนค่อยๆ กริลล์ไปอย่างช้าๆ ก่อนที่จะกลายเป็นของหวานขึ้นชื่อของร้าน 

Stuffed Churros

ชั้นล่างจัดวางบาร์ไว้ด้านใน ห้องนั่งเล่นกลายเป็นพื้นที่สังสรรค์กว้างขวางที่รองรับแขกสายดื่มเพราะอยู่ใกล้ชิดบาร์มากกว่า ส่วนชั้นสองจัดแบ่งพื้นที่เป็นห้องรับประทานอาหารที่ตกแต่งในสไตล์ที่แตกต่างกัน เริ่ม จาก The Color Room เป็นห้องรับประทานอาหารกึ่งส่วนตัว ที่นั่งกำมะหยี่หรูหรา ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายดอกไม้ ได้กลิ่นอายของความย้อนยุค ถัดมาเป็นห้อง Floral room ที่ตกแต่งไว้ด้วยดอกไม้สีหวานห้อยลงมาจากเพดาน แฝงความโรแมนติกไว้อย่างไม่ต้องมิดเม้ม ส่วนห้อง The Dark Room โทนสีเทาและสีน้ำเงินพร้อมแสงไฟสลัว ให้ความรู้สึกเป็นกันเองด้วยรูปทรงกราฟิก

หอยนางรมสด

เมนูของร้านนี้ผ่านการดีไซน์โดยเชฟทั้งสามที่เอ่ยถึงในตอนต้น จนออกมาเป็นอาหารสไตล์ Modern European ที่เน้นคอนเซ็ปต์การกินแบบ ‘sharing’ ทั้งเมนูของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และอาหารจานใหญ่ไว้แชร์กัน พร้อมของหวานที่หนึ่งในนั้นมีสับปะรดที่กำลังลอยตัวอยู่เหนือเตาเป็นวัตถุดิบ 

เราเริ่มต้นค่ำนั้นด้วย Focaccia ขนมปังอิตาเลียนที่หอมกรุ่นและให้สัมผัสหนึบนุ่ม ปาดชีสริคอตตาโฮมเมดโปะด้วยร็อกเกตเพสโต ที่แม้จะเริ่มด้วยเมนูง่ายๆ ก็พอจะมั่นใจได้ว่าจานต่อๆ ไปนั้นน่าสนใจอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่างที่คาด เพราะ Stuffed Churros อาหารขึ้นชื่อของสเปนที่เสิร์ฟเป็นของคาวด้วยไส้ทรัฟเฟิลครีมชีส ซึ่งเราคงคอนเซ็ปต์ด้วยการใช้มือป้อนส่งเข้าปาก 

หอยนางรมสด เนื้อหวานรอเราอยู่เป็นจานถัดไป ความพิเศษของจานนี้คือการเสิร์ฟหอยนางรมกับแอปเปิล แตงกวาดอง และเจลลีพอนซึ ที่ให้รสเปรี้ยวนำเจือหวานและเค็มอ่อนๆ คำนี้ว่าเรียกความสดชื่นกลับมาเต็มๆ แล้วยังไม่พอ เพราะเมื่อต่ออีกจานอย่าง Hamachi Ceviche เนื้อปลาฮามาจิสดที่เสริมรสเปรี้ยวหวานจากเดรสซิ่งเสาวรส กับ Scallop Carpaccio ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมมะม่วง และใบชิโซะ ทั้งหมดนี้คือ ‘ที่สุด’

Beetroot Pappardelle 

Hamachi Ceviche

กว่าจะถึงจานหลักเราก็เติมความว่างของท้องไปเกินครึ่งแล้ว แต่เหล่านั้นไม่เป็นอุปสรรคกับ Grilled Pork Chop ที่เพิ่มความชุ่มฉ่ำของคำด้วยซอสพริกไทยดำและแยมชอริโซ จานนี้ควรมาพร้อมไซด์ดิสอย่าง Hasselback Potato มันฝรั่งอบที่สไลซ์มาทั้งลูกแบบไม่ขาดจากกัน กินคู่กับสโมกซาวร์ครีมซอสและกระเทียมกรอบ หรือหากอยากได้จานที่เบาหน่อย Hot Smoked Salmon คือตัวเลือกที่ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ด้วยเนื้อแซลมอนที่รมควันมาพอให้เนื้อปลานวลลิ้น เสิร์ฟมาในน้ำซอสโปเตโต เวอลูเต ท็อปมาด้วยไข่ปลาแซลมอนและซอสซัลซ่า เราจับคู่ให้กับจานซึ่งสีสดที่สุดอย่าง Beetroot Pappardelle เป็นเนื้อบีทรูตที่สไลด์มาเป็นแผ่นแบบเส้นพัพพาร์เดลล์ โรยหน้าด้วยโกตชีสและวอลนัตสีตัดกัน

ที่จริงยังมีอีกหลายจานที่ควรสั่งมาลอง แต่หากมากไปกว่านี้เราคงไม่เหลือเนื้อที่ให้ของหวานอันลือลั่นของเชฟเป็นแน่ Tarte Tatin  คือแอปเปิลทาร์ตที่เสิร์ฟมาคู่กับไอศกรีมวานิลลา เมนูนี้เชฟแนะนำว่าควรต้องสั่งล่วงหน้า เพราะเป็นของหวานที่ทุกโต๊ะนิยมสั่ง ซึ่งเมื่อเราได้ชิมแล้วก็เห็นควรว่าเชื่อเชฟเถอะ อย่าเสี่ยงวอล์กอินแล้วสั่งดื้อๆ ไม่อย่างนั้นอาจพลาด กับอีกจานซึ่งเราเกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นถึงสับปะรดที่เป็นวัตถุดิบสำคัญ คือ Roasted Pineapple สีคาราเมล ที่เข้ารสกันดีกับไอศกรีมพีนาโคลาดา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรามักจิบพีนาโคลาดาในแบบค็อกเทล แต่คราวนี้เราละเลียดเป็นไอศกรีมแทน 

Hot Smoked Salmon

Roasted Pineapple

Tarte Tatin

เชฟท็อปเล่าถึงที่มาของไอเดียของการสร้างสรรค์เมนูต่างๆ ว่า พวกเขาพากันเดินออกจากกรอบความคิดเก่าๆ และทำให้อาหารที่ดูยากในขั้นตอนการตระเตรียมและปรุงเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นกันเองมากขึ้น ขนมปังแสนอร่อยทั้งหมดที่เราชอบกันเป็นเสียงเดียวนั้นทำเองทั้งหมดภายในครัวของร้าน อาหารบางจานใช้เทคนิคที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ไม่ว่าอย่างไร ผลลัพธ์ปลายทางที่พวกเขาต้องการเห็นก็คือ จุดเด่นของร้านไม่ใช่ครัว ไม่ใช่ไฟน์ไดนิ่ง แต่เป็นอาหารที่ผมชอบทาน อาหารที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปพร้อมกับเพื่อนๆ และครอบครัวได้” 

*ภาพประกอบบางส่วนจากร้าน MIA*

Fact Box

  • 30 ซอยอรรถกวี 1 (สุขุมวิท 26เปิดวันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 18.00-24.00 น. หรือ คลิก https://web.facebook.com/miarestaurantthailand/
Tags: ,