ผัดไทยไปอีกขั้น กินกับเนเชอรัลไวน์ ที่เมรัย ร้านใหม่ในท่าเตียน

“ร้านอาหารที่ขายถูกที่สุดตั้งแต่เราทำร้านมา” เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟเจ้าของร้านเมรัย (Mayrai) เนเชอรัลไวน์บาร์แห่งแรกในท่าเตียน และเป็นร้านใหม่ล่าสุดของเชฟต้นเจ้าของร้าน Le Du ดีกรีหนึ่งดาวมิชลิน และ Baan ร้านอาหารไทยบนถนนวิทยุ 

สำหรับใครที่ติดตามเชฟต้นอยู่บ้าง ก็คงพอจะคุ้นหน้าเขาจากการเป็นหนึ่งในกรรมการรายการ Top Chef Thailand และที่บอกว่าเป็นร้านอาหารที่ถูกที่สุดตั้งแต่เคยทำมา ก็เป็นเรื่องจริง เพราะอย่าง Le Du ก็เป็นไฟน์ไดนิ่ง ขณะที่ Baan แม้จะเป็นอาหารไทยที่เหมือนมากินที่บ้าน แต่ราคาก็ไม่ถูกขนาดมีแบงก์ร้อยใบเดียวแล้วกินได้ 

เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟเจ้าของร้าน (ขวาสุด)

ส่วน เมรัย (Mayrai) ที่เชฟต้นตัดสินใจเลือกมาเปิดถึงท่าเตียน ก็เพราะได้มากินข้าวแถวนี้ แล้วเห็นอาคารอนุรักษ์สมัยรัชกาลที่ 5 ของสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เลยคิดอยากจะทำร้านใหม่เป็นโปรเจกต์สนุกๆ แล้วก็ต้องนำเสนอในสิ่งที่คนไทยรู้จักและนักท่องเที่ยวก็รู้จัก นั่นคือผัดไทย ประกอบกับเนเชอรัลไวน์ เป็นเทรนด์เครื่องดื่มที่กำลังมา จึงมีโอกาสเอามาจับคู่กัน คือเป็นเนเชอรัลไวน์ บาร์ ที่กินคู่กับผัดไทย

ผัดไทยเมรัย

แต่ว่าจะขายแพงก็คงไม่ใช่ ก็ต้องขายผัดไทยในราคาที่เหมาะสม และสอดคล้องกับแถวนี้ โดยผัดไทยราคาเริ่มต้นที่ 79 บาท กินคู่กับเนเชอรัลไวน์ที่มีให้เลือกกว่าร้อยตัวเลยทีเดียว ในราคาเริ่มต้นแก้วละ 200 บาท

ร้านเมรัยเป็นร้านเล็กๆ 1 คูหา โดดเด่นสะดุดตากับป้ายร้านแสงไฟนีออน ข้างในก็ตกแต่งแบบง่ายๆ มีเนเชอรัลไวน์บาร์ตั้งอยู่ และมีโต๊ะนั่งกิน 3-4 โต๊ะ ไม่ใหญ่ น่าจะจุคนได้ไม่เกิน 20 คน ในวันที่เราไปถือเป็นวันแรกที่เปิดร้าน เชฟต้นนำสารพัดเมนูผัดไทยออกมาให้เรากิน แต่ว่าก็เริ่มรองท้องด้วยคอหมูย่างจิ้มแจ่ว ที่ทำให้เครื่องติด และอยากกินผัดไทยโดยพลัน

ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ

ยาดองที่ดองเองในโหลแก้ว

ไม่นานผัดไทยจานแรกก็มาตรงหน้า ชื่อว่าผัดไทยเมรัย (ราคา 79 บาท) ในรสชาติที่คุ้นเคยคือมีรสจัดออกเผ็ดเล็กน้อย ใช้กุ้งแห้งอย่างดีจากมหาชัย นำมาตากแห้งเอง กินกับเนเชอรัลไวน์ ก็เข้ากันดี นอกจากผัดไทยเมรัยแล้ว ยังมีผัดไทยไก่นุ่ม (ราคา 159 บาท) ผัดไทยคอหมูย่าง (ราคา 179 บาท) ผัดไทยกุ้งสด (ราคา 259 บาท) ผัดไทยเนื้อไทยวากิว (ราคา 590 บาท) และผัดไทยกุ้งแม่น้ำ (ราคา 690 บาท) ที่เลือกใช้กุ้งแม่น้ำตัวโต

นอกจากชั้นแรกจะเปิดเป็นเมรัยแล้ว เชฟต้นยังมองการณ์ไกล โดยชั้นสองซึ่งมีสเปซค่อนข้างใหญ่เท่ากับสองคูหา เตรียมทำเป็นอาหารไทยแบบเทสติ้งเมนู ในชื่อร้าน นุสรา ที่จะรับได้ 10 คนต่อหนึ่งรอบ โดยเชฟต้นบอกว่าจะเป็นอาหารไทยในแบบของเขา ที่ใช้เทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่เข้าไป และพร้อมจะเปิดภายในอีกสองเดือนข้างหน้านี้