รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) บีเอ็มดับเบิลยู X7 M50d ใหม่ เดินทางมาถึงเมืองไทยพร้อมอวดโฉมครั้งแรกอย่างเป็นทางการแล้วในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40

มัททิอัส ยุงฮันส์ (Matthias Junghanns) หัวหน้าทีมดีไซเนอร์ ผู้ดูแลและออกแบบบีเอ็มดับเบิลยู X7 คันนี้ เดินทางมาพร้อมกับรถ เพื่อพบและเปิดตัวกับสื่อมวลชนกลุ่มเล็กๆ ก่อนหน้า เขาแนะนำรถน้องใหม่ล่าสุด และใหญ่ที่สุดในตระกูล X ที่ผสานทั้งความล้ำสมัยและความคล่องตัวในดีไซน์ที่แปลกใหม่ โดดเด่นด้วยมิติรถที่กว้างขวางโอ่อ่า พร้อมด้วยสมรรถนะชั้นเลิศ เส้นสายในการออกแบบเด่นสะกดทุกสายตา ตั้งแต่กระจังหน้าทรงไตคู่ทรงแนวตั้งขนาดใหญ่ กระจกบานกว้าง ความสูงของรถ ไปจนถึงการถ่ายทอดพลังผ่านทรวดทรงหลังคาที่ลาดยาว ตอบโจทย์ความหรูหรา ควบคู่ไปกับเอกลักษณ์ที่พร้อมเปิดมิติใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยวในทุกเส้นทาง

มัททิอัส ยุงฮันส์ หัวหน้าทีมดีไซเนอร์ ผู้ดูแลและออกแบบบีเอ็มดับเบิลยู X7

“ที่บีเอ็บดับเบิลยู กรุ๊ป เรามีทีมงานราว 700 คนจากทั่วโลก จากทุกแผนก โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มิวนิก ลอส แองเจลีส และเซี่ยงไฮ้ ร่วมกันพัฒนาแบบรถแต่ละรุ่น” ดีไซเนอร์ชาวเยอรมันเล่าถึงเบื้องหลัง “แม้ว่าทุกวันนี้งานออกแบบจะใช้ระบบดิจิทัลแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปก็คือ การทำโมเดลเหมือนจริง เพื่อให้เห็นถึงเส้นสายโครงแบบของจริง นี่คือแวลูที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงของการออกแบบ”

การออกแบบและพัฒนาแบบรถแต่ละรุ่นใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เริ่มตั้งแต่การรับบรีฟงานในขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่แล้วเสร็จออกมาเป็นรถยนต์หนึ่งคัน

“กระบวนการออกแบบ เป็นการแข่งขันกันระหว่างทีมดีไซเนอร์ ซึ่งมีอยู่ราว 30 ทีม เพื่อที่จะได้รับการคัดเลือกเข้ามาเพียง 3 ดีไซน์ จากนั้นในแต่ละทีมซึ่งจะประกอบด้วยทีมออกแบบภายนอกและภายในช่วยกันทำโมเดลขึ้นมา หรือทำเป็นภาพกราฟิกเหมือนจริง จากนั้นทั้ง 3 ทีมก็จะเสนอให้ทางบอร์ดของบริษัทพิจารณา จากนั้นจะมีการเลือกไว้ 2 ดีไซน์ เพื่อจะเดินหน้าต่อ ทำแผนพัฒนาต่อ จนกระบวนการตกผลึก จนได้แบบที่เลือกเข้ามาเพื่อนำไปใช้ในการผลิตจริง หมายถึงองค์ประกอบอื่นๆ เช่น อุปกรณ์ด้านเทคนิค เครื่องยนต์ หรืออะไรต้องฟิตเข้าไปได้ด้วย กว่าจะเสร็จสมบูรณ์”

ความสุขในการขับขี่

หัวใจสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่ คือการผสานที่สุดแห่งความสะดวกสบาย ความคล่องตัว และความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือโจทย์หลัก ที่มาพร้อมกันนั้นเป็นสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo ที่ส่งพละกำลังสูงสุด 294 กิโลวัตต์/400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สมรรถนะของบีเอ็มดับเบิลยู X7 M50d สร้างความประทับใจได้ไม่ยาก ด้วยการส่งพละกำลังจากชุดอัดอากาศ ซึ่งประกอบด้วยชุดอัดอากาศแบบความดันต่ำ 2 ตัว และแบบความดันสูง 2 ตัว ทำให้เรียกพละกำลังได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ไม่สะดุด โดยทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ รวมทั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ ให้ความคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive เพื่อผู้ขับขี่สามารถควบคุมขุมพลังบีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่นี้ได้อย่างแม่นยำและง่ายดาย อีกทั้งเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดพร้อมระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ยังช่วยมอบการควบคุมที่เฉียบคมและปราดเปรียวยิ่งขึ้น

เส้นสายชัด ดูมีพลัง

แม้ว่าบีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ใหญ่และโอ่อ่า แต่เส้นสายการออกแบบนั้นถ่ายทอดอออกมาในสไตล์ที่ปราดเปรียวและคล่องตัว เน้นองค์ประกอบของความประณีตและความเรียบง่าย กระจังหน้าทรงไตคู่ทรงแนวตั้งขนาดใหญ่ รวมไปถึงระบบไฟหน้า BMW Laserlight สร้างเอกลักษณ์ให้รถยนต์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ล้ออัลลอย BMW Individual ขนาด 22 นิ้ว ลาย Y-Spoke สวยสะดุดตาจากทุกมุมมอง ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่ทรงพลังและภูมิฐานมากขึ้น

บีเอ็บดับเบิลยู X7 M50d มีสีภายนอกให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 5 สี คือ สีดำ Black Sapphire สีดำ Carbon Black สีขาว Mineral White สีน้ำเงิน Phytonic Blue และสีเทา Arctic Grey Brilliant Effect

ส่วนห้องโดยสารภายในของบีเอ็มดับเบิลยู X7 บ่งบอกถึงความหรูหราและสง่างาม ด้วยห้องโดยสารที่ขนาดใหญ่ ออกแบบให้รอบรับเบาะนั่งแบบ 3 แถว จุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 คน โดยทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino เนื้อละเอียดจาก BMW Individual หรูหราขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยลายไม้สีดำเงา ให้บรรยากาศในสไตล์เรียบหรู ส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุ 326 ลิตร และเพิ่มได้สูงสุดถึง 750 ลิตร หรือ 2,120 ลิตรเมื่อพับเบาะแถว 3 และ 2 ตามลำดับ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน และผู้ที่รักการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ความหรูหราในห้องโดยสารยังเสริมด้วยวัสดุตกแต่งผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ พร้อมชุดไฟ Ambient Light ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เพดานแบบ Panorama Glass Roof Sky Lounge เพิ่มความโปร่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน พร้อมมอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายจากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัยต่างๆ เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant รวมถึงระบบบันเทิงและเชื่อมต่อใหม่ล่าสุด อย่างระบบ BMW Live Cockpit Professional พร้อมจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ BMW ConnectedDrive เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด และระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งเป็นระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถรับคำสั่งจากเสียงพูดในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

งานคือการตอบโจทย์

“หน้าที่ของดีไซเนอร์ คือต้องมีความยืดหยุ่นในการออกแบบผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเพื่อตอบโจทย์” มัททิอัส ยุงฮันส์หัวหน้าทีมดีไซเนอร์ผู้มีถิ่นกำเนิดที่เมืองวุพเพอร์ทาล บอกกล่าว เขาทำงานออกแบบให้กับ BMW Group มานานถึง 17 ปีแล้ว และงานดีไซน์ โดยเฉพาะรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เป็นความใฝ่ฝันของเขามาตั้งแต่สมัยวัยเด็ก

“อาจจะเป็นเพราะพ่อของผมชอบขับรถบีเอ็มดับเบิลยูมากก็ได้ ผมเลยเติบโตมากับรถทุกคันของพ่อ” เขาเล่า “และรู้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า โตขึ้นผมอยากเป็นดีไซเนอร์ อยากออกแบบรถยนต์ อยากเป็นส่วนหนึ่งของค่ายรถยนต์ที่ได้ชื่อว่ามีระเบียบวินัยเคร่งครัด และที่ผลิตรถยนต์ได้อย่างน่าทึ่ง มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ” จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อวันหนึ่งที่ได้รับข้อเสนอจากค่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เขาจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจเลย

มัททิอัส ยุงฮันส์ สำเร็จการศึกษาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์จาก Karlsruhe Universitz of Arts and Design และปริญญาโทด้านการออกแบบยานพาหนะจาก Pforzheim University ภายหลังเรียนจบเขาได้เรียนรู้งานทั้งในและต่างประเทศ เคยไปทำงานให้กับค่ายรถยนต์มาสดาที่ญี่ปุ่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนกลับไปเปิดสำนักงานออกแบบของตนเองที่เมืองชตุตต์การ์ด จนกระทั่งได้รับข้อเสนอจาก BMW Group

“นอกจากออกแบบรถยนต์แล้ว งานออกแบบอย่างอื่นผมก็เคยทำ อย่างเรือใบ จักรยาน นาฬิกา หรือแม้กระทั่งเครื่องชงกาแฟ” เริ่มจาก BMW Group Designworks ในสหรัฐอเมริกา ก่อนย้ายกลับมาประจำตำแหน่งซีเนียร์ คอนเซ็ปต์ ดีไซเนอร์ สังกัดบีเอ็มดับเบิลยู โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส และหัวหน้าทีมบีเอ็มดับเบิลยู แอดวานซ์ ดีไซน์ กระทั่งเมื่อปี 2014 ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าทีมบีเอ็มดับเบิลยู ดีไซน์ LG-X ตราบถึงปัจจุบัน

รถอัจฉริยะกับโลกอนาคต

“ดีไซน์รถในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากกว่าเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา ทั้งรูปโฉม การใช้พลังงานขับเคลื่อนที่จะเป็นระบบไฟฟ้า การเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้กับตัวรถ” มัททิอัส ยุงฮันส์บอกกล่าว พร้อมขยายความถึงระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 และทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ BMW Live Cockpit Professional ระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถเรียนรู้และจดจำกิจวัตรประจำวันและความชอบส่วนตัวของผู้ขับขี่ได้ ก่อนจะนำมาปรับใช้งานอย่างถูกต้องแม่นยำ หากผู้ขับขี่รู้สึกว่าอุณหภูมิในตัวรถหนาวเกินไป ก็สามารถพูดออกคำสั่งว่า “Hey BMW, I’m cold.” เพื่อให้ระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ปรับการทำงานของระบบปรับอากาศให้เหมาะสม ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูได้พัฒนาให้ระบบผู้ช่วยส่วนตัวนี้สามารถอัพเกรดเพื่อเพิ่มเติมคุณสมบัติและรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้อีกในอนาคต

และในอนาคตอันใกล้อีกเช่นกัน “จะมีโปรแกรมที่เราสามารถเลือกได้ว่า จะขับรถเอง หรือจะขึ้นไปนั่งเฉยๆ แล้วปล่อยให้รถขับเคลื่อนไปด้วยระบบอัตโนมัติ” หัวหน้าทีมดีไซเนอร์จากเยอรมนีกล่าวทิ้งท้าย

“คุณอาจจะรู้สึกว่าดีหรือไม่-ข้อนี้ผมไม่รู้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นตัวเลือกสำหรับคุณ”

Tags: , ,