“ผมเปรียบเหมือนตุ๊กตา ในห้องเรียนผมเป็นแค่ตุ๊กตาหนึ่งตัวที่ถูกครูดุตามอำเภอใจ ไร้สิทธิ์ไร้เสียง ผมมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ และมีลักษณะท่าทางเป็นเด็กเช่นเดียวกับทุกคน”

ช่วงปีที่ผ่านมามีนิยายแปลจากญี่ปุ่นน่าสนใจตีพิมพ์ออกมาหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือ ซากศพสีฟ้า ของ โอตสึ อิจิ อันเป็นนามปากกาของ ‘ฮิโรทากะ อาดาจิ’ นักเขียนชาวญี่ปุ่นผู้โด่งดังจากนิยายแนวเรื่องสั้นสยองขวัญ 

พอได้พลิกอ่านจนจบ ก็รู้สึกได้ว่าหนังสือเล่มนี้กลับสั่นสะเทือนอารมณ์ บางช่วงก็ล้วงลึกเข้าไปดึงจิตใต้สำนึกอันมืดมิดของเราออกมาวางแผ่อย่างน่าประหลาด ทั้งยังสะท้อนปัญหาทางสังคมได้อย่างแยบคาย ผ่านความดาร์กของเรื่องราวระหว่าง ‘ผู้กระทำ’ และ ‘ผู้ถูกกระทำ’ ได้เป็นอย่างดี 

เพื่อนร่วมห้องผู้ไร้ตัวตน

ซากศพสีฟ้า เริ่มต้นเรื่องในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิสิ้นสุดลง พร้อมกับการมาถึงของภาคการศึกษาใหม่ มาซาโอะ นักเรียนชั้นประถมห้าผู้มีนิสัยขี้กลัว เก็บตัว ไม่กล้าแสดงออก ตัวละครหลักของเรื่อง ถูกเข้าใจผิดจากกิจกรรมแบ่งฝ่ายทำหน้าที่ในชั้นเรียน ทำให้เขากลายเป็นเป้าให้ ครูฮาเนดะ ครูประชั้นใหม่ไฟแรง ผู้มีภาพพจน์ดีและได้รับความนิยมจากนักเรียน ดุด่าว่ากล่าวอยู่เสมอ

สิ่งต่างๆ ในตอนเริ่มต้นเริ่มถลำลึกไปผิดที่ผิดทาง เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดที่ตามมาก็ย่อมผิดพลาดไปหมด เมื่อถูกครูฮาเนดะผู้เปรียบเสมือน ‘ลูกพี่ใหญ่’ ของห้อง มองด้วยสายตาตำหนิ ด้วยความขี้กลัวจนไม่กล้าพูดอธิบายข้อเท็จจริง มาซาโอะจึงกลายเป็นตัวตลกให้เพื่อนร่วมห้องกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะการถูกเพิกเฉยทำเหมือนว่าเขาไร้ตัวตน ไม่ต่างจากอากาศธาตุ

“ผมอยากบอกทุกคนว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ไม่มีใครใส่ใจรับฟังสิ่งที่ผมจะพูด อีกอย่าง ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับพวกเขาอย่างไร เพราะแบบนี้ผมจึงหมดหนทาง ไม่สามารถทำอะไรได้”

มาซาโอะกลายเป็นจุดอ่อนของห้อง ครูประจำชั้นไม่ใช่ที่พึ่งอีกต่อไป เพื่อนที่เคยชิดใกล้กลับเย็นชา แม้ที่โรงเรียนเขาจะโดดเดี่ยวอ้างว้าง แต่เมื่อกลับถึงบ้าน มาซาโอะก็พยายามปิดซ่อนความทุกข์ต่อหน้าครอบครัว แล้วใช้ชีวิตปกติราวกับว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี

ปัญหาที่ในตอนเริ่มต้นอาจเกิดมาจากเรื่องเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อถูกชี้นำโดยผู้มีอำนาจในสังคมโดยปราศจากการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้จึงเป็นจุดมืดดำที่กัดกินจิตใจของผู้ถูกกระทำไปทีละน้อย จนกลายเป็นช่องโหว่ที่ไม่อาจเยียวยาฟื้นฟูให้กลับคืนมาได้

“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นมนุษย์โปร่งแสง”

‘ระบบการปกครองในโรงเรียน’ สะท้อนภาพใหญ่ของสังคม

ในสายตาคนทั่วไป ครูฮาเนดะเป็นครูใหม่ไฟแรง มีชื่อเสียงดี ไม่มีนักเรียนในชั้นคนไหนไม่ชอบเขา แม้กระทั่งในหมู่ครูผู้สอนและผู้ปกครอง ครูฮาเนดะได้รับความนิยม กลายเป็นจุดสนใจ ผู้คนต่างสรรเสริญเยินยอจากเบื้องหน้าที่เห็น

หากจะเปรียบเปรยแล้ว การเป็น ‘ครู’ ก็คือ ‘ผู้ปกครอง’ ในห้องเรียน ขณะที่ ‘นักเรียน’ ก็เป็น ‘ประชากร’ ใต้การปกครองอีกทีห สิ่งนี้จำลองภาพสะท้อนของสังคมในหลายระดับ ที่ทุกหนแห่งต้องมีระบบชนชั้นในการปกครองอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเรื่องราวใน ซากศพสีฟ้า นั้นเกิดขึ้นในสังคมโรงเรียน

เมื่อครูซึ่งเปรียบเสมือนผู้ชี้นำในสังคมตัดสินมาซาโอะไปแล้วว่าเป็นนักเรียนที่แย่ นักเรียนที่เหลือในห้องทั้งหมดก็พร้อมเชื่อตาม เรื่องราวจึงดำเนินไปด้วยความอึดอัด แม้บรรยากาศโดยรวมในห้องเรียนจะดูราบรื่น แต่สำหรับมาซาโอะผู้ถูกผลักให้กลายเป็นประชากรชั้นล่างสุด โรงเรียนกลายเป็นสถานที่ชวนคับข้องใจ ไม่มีใครพูดกับอีกต่อไปแล้ว รอเพียงเวลาเลิกเรียนเพื่อจะได้ออกจากสถานที่ที่ทำให้เขาไม่ปลอดภัยทางความรู้สึก

“ทุกเช้าผมแค่ออกจากบ้านไปโรงเรียน ใช้เวลาที่นั่นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นในเรื่องต่างๆ แล้วกลับบ้าน ผมใช้ชีวิตแต่ละวันอยู่แค่นี้”

คล้ายกับมนุษย์หาเช้ากินค่ำผู้เป็นประชากรชั้นล่างสุดในห่วงโซ่สังคม ไร้ซึ่งความหวังและความฝัน แม้จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้นักเรียนเริ่มตั้งคำถามถึงตัวครูฮาเนดะในการใช้อำนาจลักษณะ ‘ผู้ใหญ่ข่มเด็ก’ จนทำให้ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้น และชื่อเสียงครูเริ่มตกต่ำในหมู่นักเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ครูฮาเนดะจะพยายามรักษาภาพพจน์ของตนเองเสมอ ด้วยคำพูดที่ว่าทำไปก็เพราะหวังดี ทั้งยังตัดพ้อว่าไม่มีใครเห็นเจตนาที่ดีของครู

เหมือนในสังคมที่คนมีอำนาจต้องรักษาไว้ซึ่งความนิยม พยายามปั้นหน้า ปิดบังความผุพังไว้เบื้องหลังไม่ให้ใครเห็น ขณะเดียวกันก็พยายามหาจุดอ่อนเพื่อโยนความผิดให้ แน่นอนว่าจุดอ่อนนั้นคือมาซาโอะ ทุกวันเขาต้องไปโรงเรียนด้วยความหวาดระแวงว่าจะโดนตำหนิหรือถูกโยนความผิดในสิ่งที่ไม่ได้ก่ออย่างไรอีก เหตุการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่คำพูด แต่มาซาโอะกลายเป็นเหยื่อความรุนแรงจากการใช้กำลังทำร้ายของครูฮาเนดะไปเสียแล้ว

“การมีตัวตนของผมในห้องเรียนถูกกำหนดแล้วเรียบร้อย ผมไม่ใช่นักเรียนในชั้นอีกต่อไป แต่กลับเป็นเหมือนถังขยะ สิ่งที่ทิ้งลงมาไม่ใช่ขยะทั่วไป ทว่าเป็นสิ่งไร้รูปทรง นั่นคือความรู้สึกไม่พอใจต่อครูหรือนักเรียน ซึ่งมีอยู่ในทุกห้องเรียนจึงทำให้ผมกลายเป็นสิ่งไร้คุณค่า”

สิ่งที่มนุษย์พึงระวังคือหมาที่จนตรอก

จุดพลิกผันของเรื่องคือการปรากฏตัวของ อาโอะ เด็กชายผู้มีผิวหนังสีฟ้า เนื้อตัวอบอวลด้วยกลิ่นเหม็นสาบรุนแรง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ใบหูแหว่งวิ่น ศีรษะไร้ผม แลดูคล้ายซากศพ แน่นอนว่าอาโอะไม่ได้มีอยู่จริง แต่เขาเป็น ‘ภาพหลอน’ ที่มีเพียงมาซาโอะเท่านั้นที่มองเห็น เพราะอาโอะคือ ‘จิตใต้สำนึก’ อันหวาดกลัวของมาซาโอะนั่นเอง

การปรากฏของอาโอะเปรียบเสมือนส่วนลึกที่ถูกเก็บกดมานานของมาซาโอะถูกแผ่ออกมาให้เห็นตรงหน้า เมื่อความหวาดกลัวพองขยายถึงขีดสุด จากความรุนแรงของคำพูดบานปลายกลายเป็นการลงไม้ลงมือ คำแนะนำของอาโอะที่มีต่อมาซาโอะคือ “ฆ่าครูซะ!”

แม้มาซาโอะจะลังเลในทีแรก แต่เขาไม่อาจหลีกหนีตัวตนด้านมืดที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งหัวใจได้อีกต่อไป เมื่อถึงจุดหนึ่งมาซาโอะจึงคิดได้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาพึงโดนกระทำ มันไม่ใช่ความถูกต้อง มันไม่ใช่ความยุติธรรมเลย

“ผมต้องตัดสินใจในสักวัน ไม่อย่างนั้นในไม่ช้าผมคงย่อยยับ ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก คงถูกฆ่าด้วยกติกาบิดเบี้ยวข้อใหม่ที่ครูสร้างขึ้น”

มาซาโอะแอบเข้าอพาร์ตเมนต์ของครูฮาเนดะในตอนที่ครูไม่อยู่ หมายจะฆ่าด้วยการต้มบุหรี่และเอาน้ำต้มเทผสมลงในชา ซึ่งอันตรายพอจะปลิดชีวิตคนได้ ในขณะที่กำลังลังเล เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะครูฮาเนดะกลับเข้ามา มาซาโอะจึงถูกกักขังและถูกทำร้ายอีกครั้ง

ขณะที่ยังมีสติ มาซาโอะเห็นอีกด้านของครู ด้านที่มีความหวาดกลัวว่ามาซาโอะจะเอาเรื่องดังกล่าวไปเปิดเผยกับทุกคน ผิดกับใบหน้ายิ้มแย้ม เต็มไปด้วยไฟในการสอนยามอยู่ที่โรงเรียนของครูฮาเนดะ มันเป็นซากปรักหักพังของ ‘ครูผู้มีอำนาจ’ ที่ถูกซุกซ่อนปกปิดไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่คนที่ได้เห็นกลับเป็นคนที่ถูกมองว่าไร้ตัวตนที่สุดในชั้นเรียน

ในตอนใกล้จบเรื่องมีหลายเหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้น แม้จะมีโอกาสกำจัดครูฮาเนดะอยู่ตรงหน้า แต่มาซาโอะเปลี่ยนใจในเสี้ยววินาทีสุดท้าย เขาไม่ได้เลือกกระทำความรุนแรงตามที่จิตใต้สำนึกอย่างอาโอะบอกเขา เมื่อเห็นใบหน้าที่หวาดกลัวของครูฮาเนดะ มาซาโอะรู้สึกว่าได้แก้แค้นต่อความเจ็บแค้นใจมากมายที่เกิดขึ้นแล้ว

หลังเรื่องราวพ้นผ่าน ความจริงต่างๆ ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา ทั้งกฎเกณฑ์ในห้องเรียนที่ครูฮาเนดะสร้างขึ้นตามใจ หรือความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับมาซาโอะ นั่นเป็นสิ่งที่มาซาโอะต้องการ และแน่นอนว่าอาโอะหายไปแล้วตลอดกาล

“ระหว่างนั้นผมตระหนักว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าพิศวงในจิตใจตัวเอง เทียบกับเมื่อก่อน ความมืดและความเจ็บปวดไม่ใช่สิ่งน่าหวาดกลัวอีกต่อไป”

ในโลกความเป็นจริง มาซาโอะจะเป็นใครก็ได้ในสังคม เพราะมาซาโอะคือผู้ถูกกระทำอย่างไม่สมควร ทั้งวาจาหรือความรุนแรงด้านใดด้านหนึ่ง ด้วยอำนาจที่กดขี่ตามอำเภอใจ ไม่ให้สิทธิ์ให้เสียงในการโต้ตอบ น่ากลัวว่าหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับใครบางคนที่ไม่สามารถเอาชนะจิตใจด้านมืดของตัวเองได้ ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร

เพราะมาซาโอะจะเป็นใครก็ได้ในสังคม

Fact Box

  • ซากศพสีฟ้า, ผู้เขียน Otsuichi, ผู้แปล: รัตน์จิต ทองเปรม, ออกแบบปก: โอ๊ต มณเฑียร, สำนักพิมพ์: Hummingbooks, จำนวนหน้า 144 หน้า
  • ซากศพสีฟ้า เป็นนิยายสั่นสะเทือนอารมณ์ของ ‘โอตสึ อิจิ’ นามปากกาของ ‘ฮิโรทากะ อาดาจิ’ นักเขียนชาวญี่ปุ่น ซึ่งเคยถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และหนังสือการ์ตูนมาแล้ว
Tags: , , ,