เรามักได้ยินเสมอว่า ‘ความหวัง’ คือสิ่งที่ผลักดันให้มนุษย์ยังคงมีชีวิตอยู่ มองเห็นคุณค่าหรือความงามของชีวิต และก้าวเดินหน้าต่อไปในสังคม ในโลกใบนี้ แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากสักกี่ครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อหวังว่ามันจะนำไปสู่ฝันที่จะมี ‘คุณภาพชีวิต’ ที่ ‘ดีขึ้นกว่าเดิม’ ไม่ว่าในแง่ไหน

เพราะปราศจากความหวัง เราคงไม่มีแรงใจที่จะลงมือทำตามความฝัน

ในเมื่อความหวังไม่มีบรรจุกระป๋องขาย สิ่งที่ช่วยโอบชูความหวังให้เกิดขึ้นได้กับผู้คนที่หลากหลายในสังคมคือ ‘โครงสร้างทางสังคม’ ที่จะเอื้อต่อการใช้ชีวิต ดังนั้น ‘โครงสร้างทางสังคม’ ที่ดีจึงทำให้เราสามารถฝันถึงความหวังที่เราปรารถนา เช่นเดียวกับที่มันสามารถบดขยี้ความหวังของผู้คนลงได้อย่างง่ายดาย

ไม่มีใครเป็นเจ้าของความหวังแต่เพียงผู้เดียว คือหนังสือเชิงสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสังคม (โดยเฉพาะสังคมไทย) อันหลากหลาย จำนวน 13 เรื่อง ที่จะพาผู้อ่านไปร้อยเรียง ปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ของผู้คนในเรื่อง ที่ล้วนไขว่คว้าหา ‘ความหวัง’ ที่จะทำให้พวกเขาสามารถฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าเดิมได้ ชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อันเป็นผลพวงมาจากโครงสร้างทางสังคมที่กดทับ ลิดรอน ทิ้งขว้าง หันหลัง ให้กับพวกเขา และผลักให้เป็นเพียงคนชายขอบของสังคม

ทุกเรื่องล้วนน่าสนใจ ตั้งแต่หญิงขายบริการในมุมเล็กๆ ของเมือง ความฝันถึงความรวยของนักพนันในสนามแข่งม้า ชีวิตแรงงานพม่าในเมืองใหญ่ ไปจนถึงการประท้วงที่ฮ่องกง แต่ทั้งหมดล้วนสะท้อนถึงผู้คนที่ยังมีความหวัง (หรือพยายามมีความหวัง) ว่าฝันอันสวยงามถึง ‘ชีวิตที่ดีขึ้น’ จะมาถึงพวกเขาในไม่ช้า

สิ่งที่น่าประทับใจของหนังสือเล่มนี้คือ ทุกเรื่องถูกกลั่นจากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่พาตัวเองเข้าไปสำรวจในสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนหรือสังคมที่ถูกนำเสนอจริง ว่าง่ายๆ คือ ‘ลงพื้นที่จริง’ ทำให้นอกจากเนื้อหาที่ได้จากการค้นคว้าแล้ว แต่ละบทยังเต็มไปด้วยรายละเอียดของบรรยากาศในสถานที่จริง รวมกับน้ำเสียงในการเล่า และการเรียบเรียง ทำให้เราสามารถอ่านแต่ละตอนได้อย่างลื่นไหล รู้สึกร่วม ราวกับดูหนังสั้นดีๆ สักเรื่อง และจบแต่ละบทได้ด้วยความรู้สึกราวกับมี ‘ตะกอน’ คำถามบางอย่างค้างเติ่งอยู่ในใจ

เป็นคำถามใหญ่ที่ว่า ทำไมคนบางกลุ่มในสังคมจึงมี ‘ความหวัง’ ได้อย่างยากเย็น

ทั้งที่ ‘ความหวัง’ ไม่ควรเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันควรเป็นเหมือนท้องฟ้า อากาศ เมฆสีขาว ดวงจันทร์ ดวงดาว ที่ลอยอยู่เหนือฟ้า ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทุกคนสามารถชื่นชม และเก็บเกี่ยวแง่มุมมาเป็นแรงบันดาลใจได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เหมือนกวีหรือคนทำงานสร้างสรรค์ ที่นำความงดงามบนท้องฟ้าเหล่านั้น มาสรรค์สร้างเป็นผลงานทางศิลปะที่รุ่มรวยและลึกซึ้งมาทุกยุคสมัย และไม่มีทีท่าว่า แรงบันดาลใจบนท้องฟ้าเหล่านั้น จะหมดความสำคัญไปง่ายๆ

‘ความหวัง’ ก็เช่นเดียวกัน ไม่ควรมีใครครอบครองมันแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนักธุรกิจพันล้าน คุณป้าร้านข้าวแกงริมถนน ไปจนถึงคนที่ถูกผลักให้อยู่ในพื้นดินต่ำสุดของห่วงโซ่สังคม ทุกคนสมควรที่จะมีความหวัง ที่จะฝันถึงวันที่งดงามกว่าในชีวิต

หนังสือเล่มนี้เปิดเปลือยให้เห็นด้านหนึ่งของเรื่องราวของผู้คนหลากหลายอาชีพ หลากหลายบทบาท ที่สังคม ‘ส่วนใหญ่’ อาจหลงลืม กระทั่งน่าเศร้าที่สุดคือ บางทีอาจไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเหล่านั้น ‘มีชีวิต’ อยู่ในมุมหนึ่งของสังคมเดียวกับเรา มีฝันเช่นเดียวกับเรา และไขว่คว้าหาความฝันเช่นเดียวกับเรา

“เรามีภาพฝันของสวัสดิการที่ทั่วถึง เรื่องพื้นฐานที่ทุกคนควรจะได้รับเท่ากัน เราควรจะมีความสุขในบั้นปลายชีวิตจริงๆ ไม่ใช่มุ่งแต่หางานแล้วละเลยปัญหาในครอบครัว เราอยากเห็นสังคมที่ตระหนักถึงการสร้างการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพของมนุษย์มากกว่านี้”

เสียงจากบุคคลที่ทำงานด้านคนไร้บ้านและโสเภณีแถวสนามหลวง พูดถึงสภาพสังคมไทย ปัญหาซ่อนใต้พรม และการยอมรับอาชีพโสเภณีในสังคมไทยที่ยังต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อทำความเข้าใจ ในบท เปิดตา ‘ตีหม้อ’ สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด หน้า 49

ทุกตอนในหนังสือเชื่อมโยงให้เราเห็นว่า ‘โครงสร้างทางสังคม’ ที่บิดเบี้ยว ส่งผลต่อ ‘ความหวัง’ และ ‘ชีวิต’ ของผู้คนมากขนาดไหน กระทั่งทำให้เรารู้สึกได้ว่า พวกเขาจะมีความหวังได้อย่างไรกัน หากสิ่งเหล่านั้นยังถูกกดทับจากผู้มีอำนาจในสังคม และเป็นผู้กำหนดโครงสร้างทางสังคม

แม้แกนหลักของหนังสือจะทำให้เราเห็นเส้นอันพร่าเลือนระหว่าง ‘ความหวัง’ กับ ‘การไม่มีความหวัง’ แต่อย่างน้อยที่สุด การที่มีใครสักคนนำเรื่องราวเหล่านี้มานำเสนอ ก็ทำให้ได้รู้ว่า ยังมีคนมองเห็นพวกเขาเหล่านั้น และพยายามส่งเสียงให้สังคมได้ยิน เพราะหวังว่า สักวันหนึ่ง จะมีคนมาร่วมส่งเสียงให้ดังขึ้น

หากจะมีข้อสรุปสั้นๆ หลังพลิกมาจนถึงหน้าสุดท้ายของหนังสือ

มันง่ายเหลือเกินที่เราจะกล่าวได้เต็มปากว่า

“ไม่มีใครเป็นเจ้าของความหวังเพียงผู้เดียว”

Fact Box

ไม่มีใครเป็นเจ้าของความหวังเพียงผู้เดียว, ผู้เขียน ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย, ออกแบบปก Routine, สำนักพิมพ์แซลมอน, จำนวนหน้า 216 หน้า, ราคา 305 บาท

Tags: ,