1

จุงกิง เซ็กซ์เพรส เริ่มต้นผ่านการขุดคุ้ยบันทึกทางประวัติศาสตร์’ 

ในตอนต้น หนังสือเริ่มเล่าถึงเรื่องราวรัฐบาลไทยในยุคของยุคจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ที่กำลังเข้าเจรจากับกองกำลังทหารญี่ปุ่น ซึ่งได้ยื่นข้อเสนอขอเดินทางผ่านประเทศไทย โดยแลกกับความคุ้มครองจากชาติยุโรปที่กำลังลุกลามประเทศฝั่งเอเชียในขณะนั้น

อนุสรณ์เริ่มต้นได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการวางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเป็นหมุดหมายแรกในเส้นเรื่อง จนสร้างความรู้สึกร่วมให้กับผู้อ่านได้ ‘เข้าใจและเป็นส่วนหนึ่ง’ ของเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น การสอดแทรกบันทึกสัมภาษณ์ที่ละเอียดและหลากมิติของรัฐบาลไทย ถึงการประเมินความเสี่ยงต่อข้อเสนอของมหาอำนาจต่างชาติ ช่วยปูพรมให้หนังสือเล่มนี้มีชีวิตชีวาและความลุ่มลึก สร้างความรู้สึกร่วม และชวนค้นหาว่าเสี้ยวหนึ่งที่หล่อหลอมเป็นตัวเราทุกวันนี้จะถูกผู้เขียนบอกเล่าอย่างไรต่อ 

สิ่งที่ผู้อ่านประทับใจเป็นพิเศษคือการทิ้งเชิงอรรถในทุกบันทึก บทสัมภาษณ์ และบทความ ให้ตามไปอ่านต่อ อนุสรณ์สร้างทางเลือกให้ผู้อ่านที่จะเป็นผู้ขุดคุ้ยเพิ่มเติมได้ เหมือนกับตัวเอกของเรื่องที่กำลังตามหาโรงแรมจุงกิง ซึ่งในบางเนื้อหาจะทำให้เข้าใจถึงการตัดสินใจของรัฐบาลไทย หรือที่มาที่ไปของการตั้งโรงแรมสำหรับบำบัดใคร่ของทหารญี่ปุ่นในจังหวัดลำปาง เป็นต้น สอดคล้องกับพฤติกรรมชอบสืบค้นเพิ่มเติมของผู้อ่านในปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถนำมาถกเถียงกับเนื้อหาไปในหนังสือ ต่อยอดเรื่องราวให้สนุก หลากมิติมากยิ่งขึ้น

2

ส่วนของเส้นเรื่อง จุงกิง เซ็กซ์เพรส ดำเนินด้วยเทคนิคเฉพาะตัว ด้วยการตัดสลับระหว่างนวนิยาย​และบันทึกทางประวัติศาสตร์ ทั้งบทความและบทสัมภาษณ์ของนักเขียนผู้อื่นที่ถูกร้อยเรียงกันเป็นเส้นเรื่อง ช่วยสอดรับและเติมเต็มทั้งข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นได้อย่างน่าสนใจ 

แต่หากพูดกันถึงเส้นเรื่องหลักของตัวเอกที่กำลังการตามหาโรงแรมจุงกิง ห้องในความฝัน หญิงสาวที่มองเม็ดฝนจากหน้าต่าง และคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่บนห้อง ในส่วนนี้อนุสรณ์เลือกเหลี่ยมมาเล่าได้อย่างชาญฉลาด ในขณะที่วาระระดับชาติคือการช่วงชิงเอกราช หนังสือเล่มนี้หามุมอื่นๆ ของสงครามมาบอกเล่าได้อย่างน่าสนใจ 

โดยเฉพาะเรื่องราวของทหารหนุ่มที่ไม่ได้ถวิลหาสงคราม และมักเข้ามาขังตัวตนและความรู้สึกอยู่ในห้องพักของโรงแรม หวังปลดเปลื้องความทุกข์ในห้วงคืนหนึ่ง ก่อนต้องจำใจออกนอกกรงไปเผชิญความจริงอีกครั้ง ซึ่งดำเนินสวนทางกับชีวิตของโสเภณีชาวจีนที่ถูกกักขังอยู่ในโรงแรม ใช้ชีวิตไร้แก่นสาร เฝ้ามองเพียงแค่ชีวิตจำลองของตนนอกหน้าต่าง ที่เฝ้าฝันว่าจะได้บินออกกรงสักครั้งหนึ่ง ที่ถือเป็นไฮไลต์ของเล่ม เผยให้เห็นว่านักเขียนผู้นี้มีไม้เด็ดเป็นของตัวเอง 

ด้วยความยาว 140 กว่าหน้า เส้นเรื่องทุกปม ถูกร้อยเรียง ขมวด และคลายปมได้อย่างพอเหมาะ แต่ละประเด็นค่อยๆ ถูกเล่าอย่างละเมียดแต่ก็ไม่ย้วยจะเกินงาม อ่านแล้วรู้สึกเป็นเพสซิง (Pacing) ที่รวดเร็วพอกับการนั่งรถไฟไปลำปางของตัวเอก ในบางจังหวะที่ข้างทางเป็นธรรมชาติงามตา อนุสรณ์ก็เลือกใช้พรรณาโวหารมาเล่าได้ถูกเวลาอยู่เสมอ หรือในบางจังหวะที่เรื่องราวเข้มข้นเต็มไปด้วยแรงกดดัน เขาก็เปลี่ยนไสตล์การเล่าเป็นแบบสืบสวนสอบสวนชวนติดตามได้อย่างฉมังมือ ด้วยความยาว จังหวะ และเนื้อหาในเล่มจึงสามารถอ่านจบได้ภายใน 1 วัน โดยที่กำลังรู้สึกพอดี 

3

แต่หากพูดถึงจุดแข็งในหนังสือเล่มนี้ ‘สถาปัตยกรรม’ หลากหลายรูปแบบถือเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ 

ด้วยความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตรของผู้แต่ง​เป็นทุนเดิม หนังสือเล่มนี้จึงถูกสามารถบอกเล่าโครงสร้างของตึกได้อย่างละเมียดละไม และสามารถบอกเล่ามวลอารมรณ์ที่ก่อสร้างขึ้นด้วยความสัมพันธ์ออกมาได้อย่างงดงาม ทั้งตัวโรงแรมจุงกิงสถานที่หลักของเรื่อง ที่ถูกบรรยากาศของความอึดอัด น่าสงสัย และไม่ปลอดภัย หล่อเลี้ยงเอาไว้จนกลายเป็นตัวเอกของเรื่องอยู่กับผู้อ่านตั้งแต่เริ่มจนจบ ไปจนถึงการบรรยายถึงนิพพานของห้วงชีวิตผ่านความงามของยอดเจดีย์ที่สะท้อนล้อกับแสงแดดยามเช้าตรู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์

เหล่านี้ได้ก่อร้างสร้าง ‘บรรยากาศ’ ออกมาได้เห็นเป็นรูปธรรม เพราะนอกจากสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยน้ำมือของมนุษย์ อนุสรณ์บอกเล่าสิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นด้วยความสัมพันธ์ออกมาได้อย่างงดงาม บรรยากาศที่เกิดจากการถวิลหาอีกชีวิตของหญิงสาวและทหารหนุ่มถูกแปลงเป็นเตียงนอน โต๊ะ ดินสอ แม้กระทั่งกระโถนฉี่ หรือมวลความหมกมุ่นสุดแสนโสมมของฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกแปลงเป็นแผลเหวอะหวะตามลำตัวของเหยื่อ เหล่านี้ช่วยประกอบให้เส้นเรื่องหลักดูแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพิ่มมิติของการอ่านจากแค่ตัวอักษร กลายเป็นสร้างภาพจำลองในจินตนาการ นำผู้อ่านไปยืนอยู่ในห้องพักโรงแรมจุงกิง ไปยืนอยู่ยอดเจดีย์ด้วยกันกับตัวละครภายในเรื่อง 

4

  แม้ จุงกิง เซ็กซ์เพรส จะเป็นนวนิยาย เป็นเรื่องราวสมมติที่ยกช่วงเวลาในอดีตมาเล่า แต่การประกอบร่วมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โดยเฉพาะแง่มุมอื่นของ ‘การมีชีวิต’ ทำให้หนังสือเล่มนี้สามารถชวนให้ผู้อ่านคิดต่อถึงผลกระทบหลากหลายด้านที่ส่งผลต่อมนุษย์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

กุมอำนาจ-ไร้อำนาจ มีหวัง-หมดหวัง ประคองชีวิตต่อไป-ปลิดลมหายใจทิ้งเสีย หนังสือเล่มนี้ทำลายเส้นแบ่งตรงนี้ลง ทำให้พร่าเลือนจนไม่สามารถตัดสินได้ว่าอะไรดีกว่ากัน ความน่าสลด หดหู่ของตัวละครในเรื่อง ชวนตั้งคำถามว่าสุดท้ายแล้ว การต่อสู้เพื่อเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ต่อไปมันถูกต้องหรือไม่

และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หากคิดว่าถูกต้อง เราสามารถตอบได้หรือไม่ ว่าในแต่ละวันเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร เป้าหมายอยู่ตรงไหน และมันต้องจบลงเมื่อไหร่ จึงจะสาแก่ใจเราในฐานะเจ้าของชีวิตจริงๆ

ทั้งหมดนี้คือ ‘คำถาม’ ที่หนังสือเล่มนี้ได้ประกอบขึ้นมาเป็นมวลก้อนบางอย่างให้ผู้อ่านทบทวนต่อไปอย่างไม่รู้จบ

Fact Box

จุงกิง เซ็กซ์เพรส, ผู้เขียน อนุสรณ์ ติปยานนท์, ออกแบบปก กิตติพล สรัคคานนท์, สำนักพิมพ์ Shine Publishing House, จำนวนหน้า 144 หน้า, ราคา 165 บาท

Tags: , ,