ท่ามกลางกระแสประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติที่แพร่ขยายไปทั่วโลก L’Oreal บริษัทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสัญชาติฝรั่งเศส ได้ออกมาประกาศเลิกใช้คำว่า ‘Whitening’ ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกชนิด รวมไปถึงคำว่า ‘fair’ และ ‘lightening’ เพื่อแสดงจุดยืนและร่วมผลักดันความเท่าเทียมกันทางสีผิวและเชื้อชาติในสังคม
แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทาง L’Oreal ได้ทวีตข้อความว่า ‘ขอยืนหยัดเคียงข้างกับชุมชนคนผิวดำและต่อต้านต้านความอยุติธรรมทุกรูปแบบในสังคม’ แต่ทวีตดังกล่าวก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าที่มองว่า แผนการดำเนินธุรกิจและการตลาดแท้จริงของ L’Oreal มักเน้นผู้บริโภคผิวขาวมากกว่า หลังมีคำสั่งปลด Munroe Bergdorf นางแบบหญิงข้ามเพศคนแรกของแบรนด์ ซึ่งส่งผลให้ L’Oreal มีภาพลักษณ์ที่ ‘ย้อนแย้ง’ จากการออกมาสนับสนุนกระแส Black Lives Matter
โดยเธอได้กล่าวว่า L’Oreal ได้ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและปัญหาอภิสิทธ์ของชนผิวขาวมาโดยตลอด ก่อนที่เธอจะถูกไล่ออกในปี 2017 เนื่องจากเธอได้แสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาการใช้ความรุนแรงของคนผิวขาวบนเฟซบุ๊กของเธอ
แต่ด้วยกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวที่ร้อนแรงในขณะนี้ ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้กลุ่มบริษัทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วโลก เลิกใช้คำโฆษณาที่มีเจตนายกย่องความงามที่มีบรรทัดฐานมาจากคนผิวขาว และตระหนักถึงความงามที่หลากหลายมากขึ้น
การตัดสินใจของ L’Oreal ในครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับบริษัทรายใหญ่อื่น ๆ เช่น Unilever ที่ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ “Fair and Lovely” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้กระจ่างใสที่มีขายเฉพาะในอินเดียและบังกลาเทศ โดย Unilever ระบุว่า ทางบริษัท ‘ต้องการยกย่องความงามจากทุกสีผิว’ และ Johnson & Johnson ที่ตัดสินใจเลิกผลิตสินค้าในกลุ่ม Neutrogena และ Clean & Clear บางตัวในเอเชียและตะวันออกกลาง
ที่มา:
https://time.com/5860754/loreal-whitening-skin-products/
ภาพ: REUTERS/Gonzalo Fuentes