ในงาน LINE Converge Thailand 2019 ที่จัดโดย LINE Thailand ประกาศวิสัยทัศน์ ‘Life on LINE’ โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้แพลตฟอร์ม LINE เป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานชีวิต’ สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำของทุกคน ภายใต้กลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ OMO, Fintech และ AI พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ อย่าง LINE Shopping, LINE Man Grocery และ LINE Melody รองรับผู้ใช้งานไลน์ที่มีมากกว่า 44 ล้านคนในประเทศไทย
อึนจอง ลี รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารธุรกิจระดับโลก LINE คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า LINE ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคน และได้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านไลฟ์สไตล์ ทุกวันนี้ LINE ไม่ใช่แค่แอปแชตอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือสื่อสารที่จะอยู่กับทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน
“ด้วยแนวคิด Life on LINE จะครอบคลุมถึงการให้บริการที่ทุกคนต้องการในชีวิตประจำวันตั้งแต่การตื่นนอนตอนเช้า การอ่านข่าวผ่าน LINE หรือการจองร้านทำผมผ่าน LINE Official Account ระหว่างการเดินทางไปทำงาน หรือการจ่ายค่าโดยสารรถประจำทาง รถไฟฟ้าผ่าน Rabbit Line Pay ซึ่งแพลตฟอร์มทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและสะดวกมากยิ่งขึ้น”
อึนจอง ลี กล่าวเสริมว่า 3 กลยุทธ์สำคัญสำหรับ Life on LINE ประกอบด้วย 1. OMO (online-merge-offline การรวมกันของออนไลน์กับออฟไลน์) ซึ่งเป็นการรวมกันที่ลึกซึ้งและสมบูรณ์กว่า O2O เธอยกตัวอย่าง LINE Mini App ระบบที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้บริการเต็มรูปแบบจากแบรนด์หรือธุรกิจต่างๆ ผ่าน LINE ได้
2. Fintech ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสู่สังคมไร้เงินสดในประเทศไทย และนวัตกรรมทางการเงินอื่นๆ ที่จะออกมาภายใต้ ชื่อที่เรียกว่า KASIKORN LINE
3. AI โดย LINE จะพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI ขั้นสูงเพื่อนำไปใช้ในการบริการที่หลากหลาย เช่นแนะนำบริการเฉพาะบุคคล อย่างใน LINE TV Sticker Shop และโฆษณา เป็นต้น
เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า LINE เพิ่งเปิดตัว ‘Smart Channel’ พื้นที่โฆษณาที่อยู่ด้านบนของหน้า Chat List เพื่อให้นักการตลาดสามารถส่งข้อความโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม หรือผู้ใช้งานจะได้รับข้อความโฆษณาที่ตรงกับความสนใจมากขึ้น
ด้าน ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า LINE เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 44 ล้านคน และเฉลี่ยใช้งานมากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้ LINE มีการเติบโตอย่างมาก และประเทศไทยได้กลายเป็นตลาดที่สำคัญเทียบเคียงตลาดอื่นๆ
“เราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยตั้งแต่การสื่อสาร หาข้อมูล ชำระเงิน บริการเรียกแท็กซี เราเชื่อว่าการทำบริการอะไรก็แล้วแต่ต้องทำตลาดแบบโลคอล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่อาจมองข้ามประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ได้เลย ต้องใช้ง่ายและใช้ได้จริง มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าของเรา เรารับประกันเลยว่าใช้ไลน์แล้วปลอดภัย เราให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากๆ ด้วยระบบความปลอดภัยสูงสุด”
ซีอีโอคนใหม่ของ LINE ประเทศไทย เปิดเผยถึงบริการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยว่า ประกอบด้วย 3 บริการด้วยกัน ได้แก่ 1. LINE Shopping รวมแหล่งออนไลน์ช้อปปิงไว้ในที่เดียว โดยจับมือกับอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม เช่น ลาซาด้า, ช้อปปี้ และทรู ช้อปปิง เป็นต้น โดยมีฟีเจอร์เด่นคือ มีเปรียบเทียบราคา นำพอยต์ไปซื้อของ ระบบแจ้งเตือนของที่อยากได้ และดีลราคาพิเศษ
2. LINE MAN Grocery บริการที่ให้ไลน์แมนไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตให้เรา และจัดส่งให้ถึงบ้าน
3.LINE MELODY เป็นฟีเจอร์เพิ่มจาก LINE CALL ที่มีบริการเสียงรอสายและเสียงเรียกเข้า สาเหตุที่มีฟีเจอร์นี้เพราะกว่า 50% ของผู้ใช้ไลน์ นิยมใช้ LINE CAll ทุกวัน เพราะง่ายสะดวก ไม่ต้องกดเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในเดือนสิงหาคมนี้
ดร.พิเชษฐ์ ยังกล่าวถึงบิ๊กดาต้าที่ทาง LINE ประเทศไทยให้ความสำคัญ โดยนำมาวิเคราะห์ทำการตลาดที่เรียกว่า Moment Marketing เพื่อออกแบบบริการที่ตรงใจผู้บริโภค เขายกตัวอย่างครบรอบสามปี LINE MAN ได้ออกแคมเปญไปตัวหนึ่ง ปรากฏว่ายอดการสั่งซื้อเมนูชานมไข่มุกสูงขึ้นถึง 50 เท่า และเมนูเอแคลร์จากร้านอาฟเตอร์ยูสร้างยอดขายผ่าน LINE MAN ได้สูงถึง 200,000 ชิ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน
ขณะที่บริการ LINE MAN ในปีนี้จะขยายไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น หลังจากที่ปัจจุบันมีแค่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
Tags: LINE