ในทุกวันนี้ที่ประชาชนต่างถูกผลลัพธ์ของการเมืองหวดกระหน่ำเข้าที่หน้าท้อง ลิ้นปี่ ปลายคาง และฟกช้ำที่สุดคงไม่พ้น ริมฝีปาก

ในห้วงยามที่อับแสง จนปัญญา เหลือเพียงพื้นที่ของศิลปะและความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น ที่ยังพอฝากความหวังให้เป็น ‘เสียงพูดสุดท้าย’ ที่จะเข้ามากระแซะ กระแทก ให้พอจะเกิดแรงขับเคลื่อนบางอย่าง

นัท – Liberate P เป็นแร็ปเปอร์ที่ยังหมั่นใช้ไรม์และบีท ขยี้ตาผู้คนในสังคม ให้หันมามองความเคลื่อนไหวของการเมืองและผู้มีอำนาจ ตั้งแต่ O(C)TYGEN จนถึง Capitalism และ ประเทศกูมี ที่ในที่สุดมันก็ไปถึงหูคนไทยในหลักหลายล้าน

กว่า 3 ปีแล้วนับแต่เราฟังเพลงของ Liberate P เป็นครั้งแรก ผ่านการแนะนำของเพื่อนที่คุ้นเคย หลังจากนั้นชื่อของเขาได้กลายเป็นศิลปินที่เราติดตามอย่างสม่ำเสมอ เสียงบีทที่กระตุกให้ขนลุกชันไปทั่วทั้งแขนขา ไรม์คมกริบดุจใบมีดกรีด น้ำเสียงแหบแห้งแต่กลับมีจังหวะจะโคนดึงดูดอย่างน่าประหลาด อีกทั้งเนื้อหาสะท้อนความไม่เป็นธรรม และผิดเพี้ยนของสังคม กระแทกกระทั้นหัวจิตหัวใจ นักศึกษารัฐศาสตร์อย่างเราชะงัดดีเหลือเกิน

เมื่อรู้ว่าเราจะได้มีโอกาสสัมภาษณ์ศิลปินคนโปรด แน่นอน เราตื่นเต้น และจินตนาการถึงบทสนทนาวนไปมา “เขาต้องเกรี้ยวกราดแน่ๆ” เราคาดการณ์เอาไว้ “เขาน่าจะพูดเร็วและรัวกว่าฟาสต์แปด” เราคิดถึงความเร็วระดับรถแข่ง F-1

“หรือเขา ….. “ ในหัวเรายังจินตนาการต่อไปเรื่อยๆ

แต่เปล่าเลย นัท – Liberate P กลับเป็นคนที่ละมุนละไมและสงบสงวนถ้อยคำมากกว่าที่เราคิด เขาคล้ายดั่งภูเขาน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเรา ไม่ได้เย็นชา หากแต่แน่วแน่และมั่นคง เหมือนว่าทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยจากปากของเขาผ่านการคิดกรั่นกรองครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกเสียงที่ออกมาหนักแน่นและชัดเจน ไม่ผิดเพี้ยนจากไรม์ที่เขาฝนให้มันคมแล้วคมอีก

คุณเริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่เมื่อไร

จริงๆ ผมตามมาการเมืองตั้งแต่ช่วงมัธยมต้น อยากรู้ประวัติศาสตร์เก่า พฤษภาทมิฬ  14 ตุลา พอเราเริ่มศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มอินกับมันและตามข่าวการเมืองมากขึ้น ช่วงปี 48-49 ยิ่งตามบ่อยขึ้น

แล้วเมื่อก่อนที่บ้านจัมีวีดีโอช่วงเกิดเหตุพฤษภาทมิฬ ก็เคยแอบไปเปิดดูกับพี่ชาย สงสัยว่ามันเป็นเหตุการณ์ยังไง หรือปกติกับคุณพ่อก็คุยเรื่องการเมืองกันบ้างอยู่แล้ว

ส่วนตัวเคยไปร่วมออกเสียงทางการเมืองบ้างไหม อย่าง การเข้าร่วมชุมนุม หรือการเลือกตั้ง ?

ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมเลยนะ แต่เคยเลือกตั้งประมาณ 2 ครั้ง

อะไรเป็นจุดเรื่มต้นของโปรเจคต์ RAD (Rap Against Dictatorship)

ผมแต่งเพลงนี้ไว้อยู่แล้วในตอนแรก แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เพลงถูกดองไว้ก่อน แล้วช่วงปลายปี 2560 ผมมีไอเดียว่าอยากทำกลุ่มแร็ปเกี่ยวกับการเมือง และมีไอเดียว่าอยากลองเอาเพลงนี้กลับมาทำ ก็เลยเกิดเป็น RAD ขึ้นมา มีผม (Liberate P) Jacoboi HOCKHACKER และ E.T. ผมเลยเสนอว่าโปรเจคต์แรกน่าทำเพลง ‘ประเทศกูมี’ เพราะตอนที่ผมโพสต์เนื้อเพลงบางส่วนลงเฟสบุ๊ก มีพี่คนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในโลกโซเชียล เขาทักมาว่าอยากทำด้วย แสดงว่าเพลงนี้น่าจะเข้าหูคนได้

อะไรคือเป้าหมายของการรวมกลุ่ม RAD

เราอยากให้คนในสังคม มีความสนใจการเมืองมากขึ้น เราจึงพุ่งความสนใจไปที่ชนชั้นกลาง คนเมือง ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างมันเงียบหมด จนเรากำลังโดนรัฐกลืนทุกอย่าง เราอยากให้คนกลุ่มนี้ตื่นตัวกับการเมืองมากขึ้น เราก็เคยไปเล่นต่างจังหวัดเหมือนกัน เคยไปไกลสุดอุดรธานี เราเป็นหนึ่งโชว์ในงานของ Rap Is Now เรารู้สึกว่าคนต่างจังหวัดก็อินนะ เหมือนที่สุดแล้วเราสื่อสารถึงเขาเหมือนกัน

อันที่จริง เราก็ตั้งใจสื่อสารกับคนทุกกลุ่มและทุกคนที่เบื่อการเมือง หรือมีความเข้าใจที่ผิดว่าการเมืองเป็นไกลตัว เป็นเรื่องสกปรก

เคยได้ยินมาว่าแต่ละคนในกลุ่ม RAD ก็ไม่ได้คิดเหมือนกันเสียทีเดียว บางคนมีจุดยืนที่แตกต่าง หรือมีจุดร่วมด้วยกันเพียงนิดเดียว การทำงานมีดีเบตรุนแรงกันบ้างไหม

เราคุยกันตลอดก่อนที่จะทำอะไร หรือจะตัดสินใจอะไร เราถกเถียงกันเป็นเรื่องปกติ

คุณดูเป็นคนที่ซีเรียสกับเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกมาก

ผมว่ามันเป็นเรื่องพื้นฐานนะ เราควรมีสิทธิมีเสียง ในการวิพากษ์ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว และกระทบกับสิทธิของเรา

มีช่วงที่เบื่อกับสิ่งที่ทำอยู่บ้างไหม

จริงๆ ผมเคยทำแล้วรู้สึกเบื่อก็มีนะ ช่วง 2 ปีที่แล้ว ที่ผมปล่อยเพลงออกมาหลังจากนั้นมันก็รู้สึกเบื่อ แต่เหมือนเวลาผ่านไป เราก็อยากกลับมาพูดอีกครั้ง ก็คือเพลง ‘ประเทศกูมี’ เนี่ยแหละ และต่อไปถ้าถามว่ามีอะไรที่ยังไม่ได้พูดไหม มันก็มี เพราะการเมืองมันยังไม่นิ่ง มันต้องมีเรื่องให้พูดเสมอ

แต่คือเราไม่ได้มองว่าสังคมมันไม่ดีนะ เราไม่มีความตั้งใจจะตัดสินว่าสังคมไม่ดี แต่เราออกมาพูดเพราะเราอยากพูด เรามองว่ามันเป็นสิ่งที่มีคนควรพูดในเรื่องเหล่านี้ตลอดเวลา แค่นั้นเอง

คิดว่าจะมีศิลปินออกมาทำเพลงเกี่ยวกับการเมืองเพิ่มไหม

ตอนที่เราทำเพลงและปล่อยออกมา เราเปิดให้มี 8 bars challenge ก็มีคนออกมาร่วมจอยกับเรานะ ส่วนจะมีคนออกมาทำเพลงเหมือนกับเราไหม ผมว่าน่าจะมีเกิดขึ้นแหละ  เพราะเป้าหมายของเราก็คือตั้งใจกระตุ้นให้เขาออกมาวิพากษ์ วิจารณ์สังคมและการเมืองกันอยู่แล้ว หรือถ้าเขาแค่ออกมาแสดงความคิดเห็นกับเพลงของเรา มันก็ดีแล้วนะ

คิดจะทำเพลงที่มีเนื้อหาอย่างอื่นนอกจากการเมืองหรือเปล่า

อย่าง Kill myself เราก็พูดเรื่องอื่น เพลงใหม่ที่กำลังออกมาเราก็พูดเรื่องอื่น เราไม่ได้จำกัดตัวเองไว้ว่าจะทำแนวนี้อย่างเดียว เราอยากพูดเรื่องอะไร เราก็พูด แค่นั้นเอง

อะไรที่ทำให้การเมืองกับดนตรีมันไม่ได้มาเจอกันบ่อยๆ

ผมว่าเราพยายามแยกและผลักการเมืองให้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารประเทศ เรื่องในสภา เรื่องใหญ่ๆ มันเลยทำให้คำว่าการเมืองดูไกลตัว

มันก็มีคนที่คิด 2 แบบนะ คนทิ่คิดว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องมีการเมือง กับคนที่คิดว่าศิลปะควรเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ผมคิดว่ามันไปด้วยกันได้ มันไม่ได้แยกออกจากกันซะทีเดียว

แล้วการเมืองมันก็อยู่ในทุกกิจกรรม มันไม่ใช่แค่เรื่องคอร์รัปชัน แค่รถติด แต่การที่เด็กโดนอาจารย์ที่โรงเรียนไถผม มันก็เป็นเรื่องการเมืองแล้ว

คุณเริ่มทำเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเมืองครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไร

จริงๆ เราอยากทำเพลงการเมืองมาสักพักแล้ว แต่ตอนนั้นเราคิดว่ามันยังไม่มีคนตามเราเยอะขนาดที่คำพูดของเราจะมีน้ำหนักพอ จนเราลงแข่ง Rap Is Now ครั้งแรก ก็เริ่มมีคนติดตาม เลยลองทำเพลงการเมืองดู ในแง่มุมของเราก็ออกมาเป็นเพลง O(C)TYGEN ซึ่งที่จริงเราก็มีการปรับเปลี่ยนเยอะก่อนจะปล่อยตัวมาสเตอร์ลงยูทูบ

แสดงว่าในผลงานชิ้นหนึ่งของศิลปิน ก็ต้องมีการเซนเซอร์ตัวเองบ้าง

ใช่ครับ แต่ก็จะมีคนตั้งคำถาม อย่างล่าสุดที่ปิดคอมเมนท์เพลงประเทศกูมี ก็มีคนที่ออกมาด่าว่าทำไมต้องเซนเซอร์ความคิดเห็น เราออกมาพูดเรื่องเสรีภาพ แต่กลับปิดคอมเมนท์ซะเอง แต่คนพูดอยู่ต่างประเทศนะ คือ มึงไม่รู้เหรอว่ามันไม่มีอิสรภาพ และมันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของคนที่ทำเพลง ผมจึงเลือกที่จะไม่พูดบางเรื่องดีกว่า เพราะคนเขาก็รู้กันอยู่แล้ว (ยิ้มอ่อน)

มองว่างานของคุณมันเพื่อจรรโลงสังคมหรือจรรโลงตัวเองไหม

จริงๆ เราไม่ได้บอกว่าเราทำเพื่อใครนะ เราออกมาพูดในสิ่งที่เราอยากพูดเพื่อสนองความต้องการของตัวเองตั้งแต่แรก เราไม่ได้ออกมาพูดเพราะอยากผลักดันอะไร ความตั้งใจแรกมันต้องสนองความต้องการของตัวเองก่อนอยู่แล้ว เราเลยมีความสุขกับผลงานที่ออกมา

ใครเป็นศิลปินคนโปรดของคุณบ้าง

ตอบยากเลย เพราะชอบเยอะมาก แต่ตอนนี้ที่ตามหนักๆ เลยก็ Suicide Boy เป็นแร็ปเปอร์อเมริกัน ลองไปหาฟัง จะเดือดๆ หน่อย แต่เราก็ฟังหลายแนวนะ BNK48 เราก็ฟังนะ ชอบด้วยแต่เต้นไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางแร็ปนั่นแหละ

ก่อนจะมาถึงจุดนี้ ในฐานะแร็ปเปอร์ คุณฝึกฝน เคี่ยวกรำตัวเองยังไงบ้าง

เราเริ่มจากตอนที่พี่ชายเข้ามหาลัย เขาเอาเพลงฮิปฮอปใต้ดิน เช่น ดาจิม ไทเทเนียม มิกซ์เทป มาให้ฟัง เราก็ซึมซับมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ม.ต้น เราแร็ปเป็นอย่างเดียวเลยนะ คือไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องมัลติฟังก์ชัน

แล้วก็เริ่มทำเพลงไปเรื่อยๆ เราเป็นคนชอบทำเพลงอยู่แล้ว แต่เราจะเป็นคนชอบเกลาเนื้อ ลับให้คมจนกว่ามันจะแทงหูคน เอาให้คนฟังโอ้โหได้ มันเป็นความตั้งใจและความคาดหวังของเราตั้งแต่แรกๆ ถ้าเราทำเพลงออกมาคนฟังต้องโควตเพลงบางท่อนของเราได้ด้วย เราก็คิดแบบนี้และฝึกฝนมันไปเรื่อยๆ พอไปแข่งก็เริ่มมีคนตามเรามากขึ้นให้ความสนใจเรามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ อย่างมันก็ค่อยๆ ไหลไป

เคยกลัวมั้ยกับการเริ่มอะไรใหม่ๆ หรือลงแข่งขันครั้งแรก

ไม่กลัวนะ แต่เราเป็นคนตื่นเต้นง่ายอยู่แล้ว เวลาไปแข่งก็จะตื่นเต้นมากกว่า ส่วนตัวเราเป็นคนชอบเริ่มอะไรใหม่ๆ เราเป็นคนชอบคิดทำนู่นนี่ แต่ส่วนใหญ่คิด 10 ทำ 1  

ครั้งแรกที่ตัดสินใจทำเพลง ประเทศกูมี มีความกลัวเกิดขึ้นไหม

จริงๆ เพลงมันไม่ได้อะไรขนาดนั้น แต่ด้วยความที่มันกลายเป็นกระแสวันที่ตำรวจ (พล.ต.อ.ศรีวราห์) ออกมาพูด ทำให้เพลงกระจายจนเกินที่เราคาดหวังไว้ คือมันไปไวมาก วันเดียวขึ้นมา 5 ล้านวิว 6 วัน 20 ล้าน จริงๆ เราตั้งเป้าไว้ 2 ล้าน ภายใน 1 เดือน ด้วยซ้ำ แต่นี่มันผิดจากที่เราคิดไปเยอะมาก

เพราะฉะนั้นอะไรที่เข้ามาในช่วงนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราเตรียมไว้เลย ตั้งแต่เรื่องที่สื่อเข้ามาสัมภาษณ์ ตลอดจนตำรวจ หรือภาครัฐ มันเป็นเรื่องเกิดความคาดหมายหมดเลย

แล้วทางบ้านพูดอะไรบ้างหรือเปล่า

เขาก็เตือนให้รอบคอบ ให้ระวังตัว แต่เขาไม่ค่อยห้ามอยู่แล้วในสิ่งที่เราตัดสินใจจะทำ แต่ก็ไม่มีตำรวจหรือภาครัฐไปยุ่งกับพวกเขานะ

ก่อนหน้านี้เห็นว่าคุณจะไปเล่นที่ Jam Festival ที่จัดร่วมกับพรรคอนาคตใหม่

ใช่ครับ เขาติดต่อมาส่วนตัวในนาม Liberate P ช่วงเดือนกันยายน ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้ปล่อยเพลงประเทศกูมี แต่พอเพลงปล่อยออกมาก็มีกระแสว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรา มีท่อน้ำเลี้ยง มีข้อสงสัยว่าเราเอาเงินมาจากไหน ตรงนี้เลยทำให้เราตัดสินใจว่า เราไม่ไปเล่นดีกว่า เพราะถ้าไปเล่น เราโดนโยงแน่นอน ถึงแม้มันจะไม่เป็นเรื่องจริง แต่ถ้าไปเล่นต้องมีคนที่จ้องจะโจมตีอยู่แล้ว เลยตัดสินใจไม่เล่นดีกว่า

พอชื่อเสียงไปไกลขึ้น เพลงถูกพูดถึงมาก คุณยังกินข้าวร้านเดิม ซื้อของร้านเดิม ไม่มีอะไรต้องระแวงใช่ไหม

ไม่มีนะ พอเขาประกาศว่าให้คนร้องได้ แชร์ได้ เราก็ไม่กลัวแล้ว แต่ว่าตอนที่เขาประกาศว่าจะมีหมายเรียก ก็กลัวอยู่ มันกลัวเพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะมาตอนไหน มายังไง เราเลยวิตกกังวล

ตอนหลังเราเปลี่ยนมาคิดว่า เราคงโดนแน่ๆ แล้วละ เลยเริ่มคลายความเครียดลงได้ เพราะคิดว่าต้องโดนแน่ๆ เลยไม่ต้องคิดกลับไปมา ว่าจะโดนหรือเปล่า มันก็สบายใจขึ้น

เวลาไปข้างนอก เดินตามห้าง มีคนเข้ามาทักทายบ้างไหม

ไม่แน่ใจนะ เพราะไม่เคยไปห้างเลยตั้งแต่มีปัญหา แต่ว่าคนใต้หอก็ทัก แม่ค้าทัก ส่วนใหญ่เขาก็ชอบกับผลงานที่เราทำนะ

ทำไมถึงมักจะเลือกใช้ 6 ตุลา เป็นเหตุการณ์หลักในการเล่าเรื่อง

มันเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนแตกออกเป็นสองฝ่าย และโดนรัฐแทรกแซง รัฐปลุกปั่นให้ประชาชนแตกกัน หลังจากนั้นจึงโดนแทรกแซงอีก ทำให้ประชาชนไม่มีอำนาจต่อรองกับรัฐเท่าที่ควรจะมี ซึ่งมันส่งผลมาถึงทุกวันนี้

เรามองว่า 6 ตุลาเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่หนักที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีภาพการแทรกแซงของรัฐและสร้างความแตกแยกที่ยังคงชัดเจนอยู่ เราเลยเลือกหยิบเหตุการณ์นี้มาพูดถึงเท่านั้นเอง ประวัติศาสตร์มันก็เป็นเหมือนกรณีศึกษา ผมเลยคิดว่ามันสำคัญ และเราควรศึกษามันอยู่เพื่อไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตอนนี้ชื่อของ Liberate P เหมือนถูกแปะด้วยป้ายของแร็ปเปอร์เสียดสีสังคมการเมือง กดดันไหมในการผลิตงานใหม่ๆ ?

ไม่นะ เราเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่ เพราะเราเริ่มจากเพลงนอกกระแสมาตั้งแต่แรก เป็นอันเดอร์กราวด์ตั้งแต่แรกเลย เลยไม่ได้มาแคร์ว่าเพลงหน้าต้องแบบนี้ แบบนี้ เราไม่ได้คิดขนาดนั้น เราไม่ได้ทำเพลงเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เราเลยไม่ได้ต้องมาคิดถึงผลลัพธ์เชิงธุรกิจมากขนาดนั้น

ในปัจจุบัน ศิลปินยังต้องการพื้นที่และเสรีภาพในการแสดงออกเพิ่มมากขึ้น อีกไหม

ต้องการครับ เพราะมันยังมีหลายเรื่องที่ควรจะพูดได้ แต่ยังพูดไม่ได้

จะมีผลงานเพลงใหม่ออกมาอีกเร็วๆ นี้ไหม

มีครับ น่าจะออกมาช่วงปลายปี ทั้งในฐานะของวงตัวเอง และโปรเจคต์ RAD

คิดยังไงกับเพลง ‘ไทยแลนด์ 4.0’

ก็ดีครับ (ยิ้มหวาน)

คิดว่าเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศของเราจะเพิ่มมากขึ้นไหม ในอนาคตข้างหน้า

อันนี้ตอบไม่ได้เลย ขึ้นอยู่กับว่าคนในบ้านเมืองเราสนใจ ใส่ใจการเมืองกันมากแค่ไหน แล้วยึดหลักอะไรในการแสดงความคิดเห็น สำหรับผมคิดว่าเป็นหลักประชาธิปไตย แต่ถ้าจะมีคนที่คิดว่าเผด็จการดีกว่าประชาธิปไตย ผมก็เข้าใจนะ ไม่ได้ว่าอะไร

Tags: , , , , ,